จำนวนบทความของคำ "เฟลดีน" : 10 เฟลดีน เป็น ยาและสารเคมี |
Click เพื่อดูภาพขนาดใหญ่ |
![]() | คำอธิบายเกี่ยวกับยา (4) |
![]() | Word Info ID : 6538 Word INFO : เฟลดีนเป็นยาระงับการอักเสบที่ไม่ใช่สเตอรอยด์(NSAID) ซึ่งนอกจากมีฤทธิ์ในการระงับอาการอักเสบแล้ว ยังมีฤทธิ์ในการบรรเทาอาการปวดและลดไข้อีกด้วย จากผลการใช้ยาในสัตว์ทดลองพบว่าเฟลดีนลดการบวมน้ำของเนื้อเยื่อ ผิวหนังร้อนแดงเนื่องจากเลือดคั่ง เนื้อเยื่อขยายตัว มีไข้ และปวด เฟลดีนใช้ได้ผลไม่ว่าการอักเสบจะเกิดจากสาเหตุใด ในขณะที่กลไกการทำงานของเฟลดีนยังไม่เป็นที่ทราบกันอย่างแน่ชัด แต่จากการศึกษาในหลอดทดลองและการใช้ยาในผู้ป่วยแสดงให้เห็นว่าเฟลดีนมี ผลต่อหลายขั้นตอนในปฏิกิริยาตอบโต้ภูมิคุ้มกันและการอักเสบ โดยวิธี ยับยั้งการสังเคราะห์ prostanoids Iรวมทั้ง prostaglandins โดยผ่านกรรมวิธียับยั้ง cyclooxygenase enzyme ยับยั้ง neutrophil จับตัวเป็นก้อน ยับยั้งไม่ให้ polmorphoneuclear cell และ monocytes เคลื่อนตัวไปยังที่ ๆ เกิดการอักเสบ ยับยั้งการปล่อย lysosomal enzyme จาก leucocytes ที่ถูกกระตุ้น ยับยั้ง toxic superoxide anion generation จาก neutrophil ลดการสร้าง rheumatoid factor ทั่วร่างกายและใน synovial fluid ในผู้ป่วยด้วย seropositive rheumatoid arthritis มีหลักฐานแน่นอนแล้วว่าเฟลดีนไม่ได้ออกฤทธิ์โดยการไปกระตุ้น pituitary-adrenal axis จากการศึกษา in vitro แสดงว่ายานี้ไม่มีผลในทางลบต่อ cartilage metabolism จากการทดสอบทางคลินิกพบว่า เฟลดีนใช้ได้ผลในการบำบัดอาการปวดที่มาจากสาเหตุหลายชนิด (อาการปวดหลังจากได้รับบาดเจ็บ) หลังการตัดฝีเย็บของแผลที่เนื่องมาจากการคลอดบุตร และการปวดแผลหลังการผ่าตัด) เฟลดีนออกฤทธิ์ในการบรรเทาอาการปวดได้รวดเร็ว การปวดประจำเดือน Primary dysmenorrhea เนื่องจาก prostaglandins ในเยื่อบุมดลูกมีระดับสูงขึ้นทำให้มดลูกบีบตัวแรง เป็นผลให้เลือดไหลเวียนไม่เพียงพอเกิดอาการปวด เฟลดีนซึ่งเป็นยายับยั้งการสังเคราะห์ prostalandins ที่มีฤทธิ์สูงจึงสามารถลดการบีบตัวของมดลูกและใช้รักษาการปวดประจำ เดือนที่ไม่ทราบสาเหตุได้ผลดี คุณสมบัติทางเภสัชจลนศาสตร์ การดูดซึม เฟลดีนชนิดรับประทานถูกดูดซึมได้ดี เมื่อให้ชนิดรับประทานพร้อมกับอาหารอัตราการดูดซึมจะช้าลงเล็กน้อยแต่ปริมาณการดูดซึมไม่เปลี่ยนแปลง ความเข้มข้นของยาในพลาสมามีค่าคงที่ตลอดวันเมื่อให้ยาวันละครั้ง และเมื่อให้ยานี้ในขนาด 20 มิลลิกรัมต่อวันติดต่อกันเป็นเวลา 1 ปี ระดับยาในเลือดก็จะยังคงอยู่ในระดับคล้ายคลึงกับเมื่อแรกให้ยา ความเข้มข้นของยาในพลาสมาอยู่ในสัดส่วนที่พอเหมาะสำหรับขนาดยา 10 และ 20 มิลลิกรัม ซึ่งโดยปกติจะขึ้นถึงระดับสูงสุดภายใน 3 ถึง 5 ชั่วโมงหลังจากได้รับยา ระดับสูงสุดของไพร็อกซิแคมในพลาสมาปกติจะสูงถึง 1.5-2 ไมโครกรัม/มล. เมื่อให้ยาครั้งเดียวในขนาด 20 มิลลิกรัม ในขณะที่เมื่อให้ 20 มิลลิกรัมต่อวันติดต่อกันทุกวัน ระดับสูงสุดในพลาสมามักจะคงตัวอยู่ที่ 3-8 ไมโครกรัม/มล. ในผู้ป่วยส่วนมากระดับยาในพลาสมาจะขึ้นสู่ระดับคงที่ภายใน 7-12 วันโดยประมาณ การรักษาโดยให้ขนาดยา 40 มิลลิกรัม ต่อวันใน 2 วันแรก ตามด้วยวันละ 20 มิลลิกรัมในวันต่อ ๆ มาซึ่งระดับของยาขึ้นสูงและมีระดับคงที่ (ประมาณ 76%) ทันทีหลังจากได้รับยาครั้งที่ 2 ระดับของยาสูงคงที่โดยมี area under the curves และระยะครึ่งเวลาในการกำจัดยาออกคล้ายคลึงกับเมื่อให้ยาในขนาด 20 มิลลิกรัม วันละครั้งเดียว Ref. Link : http://thairx.com/dmdrug.asp?did=fdc |
![]() | Word Info ID : 6540 Word INFO : ข้อบ่งใช้การใช้ยา (Indication) : เฟลดีนเป็นยาระงับการอักเสบที่ไม่ใช่สเตอรอยด์ (NSAID) เฟลดีนใช้สำหรับบำบัดอาการอักเสบ และ/หรือ อาการปวดที่เนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ในเด็ก ข้ออักเสบเนื่องมาจากความเสื่อมของข้อ โรคกระดูกสันหลังอักเสบที่เรียกว่า ankylosing spondylitis, กล้ามเนื้อและเอ็นรอบข้ออักเสบเฉียบพลัน (acute musculoskeletal disorder) โรคเก๊าท์ชนิดเฉียบพลัน ความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดและหลังการบาดเจ็บเฉียบพลัน และใช้รักษาอาการปวดประจำเดือน primary dysmenorhea ในผู้ป่วยอายุ 12 ปี หรือมากกว่า Ref. Link : http://thairx.com/dmdrug.asp?did=fdc |
![]() | Word Info ID : 6558 Word INFO : เฟลดีนเป็นยาระงับการอักเสบที่ไม่ใช่สเตอรอยด์(NSAID) ซึ่งนอกจากมีฤทธิ์ในการระงับอาการอักเสบแล้ว ยังมีฤทธิ์ในการบรรเทาอาการปวดและลดไข้อีกด้วย จากผลการใช้ยาในสัตว์ทดลองพบว่าเฟลดีนลดการบวมน้ำของเนื้อเยื่อ ผิวหนังร้อนแดงเนื่องจากเลือดคั่ง เนื้อเยื่อขยายตัว มีไข้ และปวด เฟลดีนใช้ได้ผลไม่ว่าการอักเสบจะเกิดจากสาเหตุใด ในขณะที่กลไกการทำงานของเฟลดีนยังไม่เป็นที่ทราบกันอย่างแน่ชัด แต่จากการศึกษาในหลอดทดลองและการใช้ยาในผู้ป่วยแสดงให้เห็นว่าเฟลดีนมี ผลต่อหลายขั้นตอนในปฏิกิริยาตอบโต้ภูมิคุ้มกันและการอักเสบ โดยวิธี ยับยั้งการสังเคราะห์ prostanoids Iรวมทั้ง prostaglandins โดยผ่านกรรมวิธียับยั้ง cyclooxygenase enzyme ยับยั้ง neutrophil จับตัวเป็นก้อน ยับยั้งไม่ให้ polmorphoneuclear cell และ monocytes เคลื่อนตัวไปยังที่ ๆ เกิดการอักเสบ ยับยั้งการปล่อย lysosomal enzyme จาก leucocytes ที่ถูกกระตุ้น ยับยั้ง toxic superoxide anion generation จาก neutrophil ลดการสร้าง rheumatoid factor ทั่วร่างกายและใน synovial fluid ในผู้ป่วยด้วย seropositive rheumatoid arthritis มีหลักฐานแน่นอนแล้วว่าเฟลดีนไม่ได้ออกฤทธิ์โดยการไปกระตุ้น pituitary-adrenal axis จากการศึกษา in vitro แสดงว่ายานี้ไม่มีผลในทางลบต่อ cartilage metabolism จากการทดสอบทางคลินิกพบว่า เฟลดีนใช้ได้ผลในการบำบัดอาการปวดที่มาจากสาเหตุหลายชนิด (อาการปวดหลังจากได้รับบาดเจ็บ) หลังการตัดฝีเย็บของแผลที่เนื่องมาจากการคลอดบุตร และการปวดแผลหลังการผ่าตัด) เฟลดีนออกฤทธิ์ในการบรรเทาอาการปวดได้รวดเร็ว การปวดประจำเดือน Primary dysmenorrhea เนื่องจาก prostaglandins ในเยื่อบุมดลูกมีระดับสูงขึ้นทำให้มดลูกบีบตัวแรง เป็นผลให้เลือดไหลเวียนไม่เพียงพอเกิดอาการปวด เฟลดีนซึ่งเป็นยายับยั้งการสังเคราะห์ prostalandins ที่มีฤทธิ์สูงจึงสามารถลดการบีบตัวของมดลูกและใช้รักษาการปวดประจำ เดือนที่ไม่ทราบสาเหตุได้ผลดี คุณสมบัติทางเภสัชจลนศาสตร์ การดูดซึม เฟลดีนชนิดรับประทานถูกดูดซึมได้ดี เมื่อให้ชนิดรับประทานพร้อมกับอาหารอัตราการดูดซึมจะช้าลงเล็กน้อยแต่ปริมาณการดูดซึมไม่เปลี่ยนแปลง ความเข้มข้นของยาในพลาสมามีค่าคงที่ตลอดวันเมื่อให้ยาวันละครั้ง และเมื่อให้ยานี้ในขนาด 20 มิลลิกรัมต่อวันติดต่อกันเป็นเวลา 1 ปี ระดับยาในเลือดก็จะยังคงอยู่ในระดับคล้ายคลึงกับเมื่อแรกให้ยา ความเข้มข้นของยาในพลาสมาอยู่ในสัดส่วนที่พอเหมาะสำหรับขนาดยา 10 และ 20 มิลลิกรัม ซึ่งโดยปกติจะขึ้นถึงระดับสูงสุดภายใน 3 ถึง 5 ชั่วโมงหลังจากได้รับยา ระดับสูงสุดของไพร็อกซิแคมในพลาสมาปกติจะสูงถึง 1.5-2 ไมโครกรัม/มล. เมื่อให้ยาครั้งเดียวในขนาด 20 มิลลิกรัม ในขณะที่เมื่อให้ 20 มิลลิกรัมต่อวันติดต่อกันทุกวัน ระดับสูงสุดในพลาสมามักจะคงตัวอยู่ที่ 3-8 ไมโครกรัม/มล. ในผู้ป่วยส่วนมากระดับยาในพลาสมาจะขึ้นสู่ระดับคงที่ภายใน 7-12 วันโดยประมาณ การรักษาโดยให้ขนาดยา 40 มิลลิกรัม ต่อวันใน 2 วันแรก ตามด้วยวันละ 20 มิลลิกรัมในวันต่อ ๆ มาซึ่งระดับของยาขึ้นสูงและมีระดับคงที่ (ประมาณ 76%) ทันทีหลังจากได้รับยาครั้งที่ 2 ระดับของยาสูงคงที่โดยมี area under the curves และระยะครึ่งเวลาในการกำจัดยาออกคล้ายคลึงกับเมื่อให้ยาในขนาด 20 มิลลิกรัม วันละครั้งเดียว Ref. Link : http://thairx.com/dmdrug.asp?did=fdt |
![]() | Word Info ID : 6559 Word INFO : ข้อบ่งใช้การใช้ยา (Indication) : เฟลดีนเป็นยาระงับการอักเสบที่ไม่ใช่สเตอรอยด์ (NSAID) เฟลดีนใช้สำหรับบำบัดอาการอักเสบ และ/หรือ อาการปวดที่เนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ในเด็ก ข้ออักเสบเนื่องมาจากความเสื่อมของข้อ โรคกระดูกสันหลังอักเสบที่เรียกว่า ankylosing spondylitis, กล้ามเนื้อและเอ็นรอบข้ออักเสบเฉียบพลัน (acute musculoskeletal disorder) โรคเก๊าท์ชนิดเฉียบพลัน ความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดและหลังการบาดเจ็บเฉียบพลัน และใช้รักษาอาการปวดประจำเดือน primary dysmenorhea ในผู้ป่วยอายุ 12 ปี หรือมากกว่า Ref. Link : http://thairx.com/dmdrug.asp?did=fdt |
![]() | ลักษณะของยา (2) |
![]() | Word Info ID : 6537 Word INFO : ส่วนประกอบสำคัญของยา (Active Ingredients) : 1. piroxicam : 10 mg Ref. Link : http://thairx.com/dmdrug.asp?did=fdc |
![]() | Word Info ID : 6556 Word INFO : ส่วนประกอบสำคัญของยา (Active Ingredients) : 1. piroxicam : 20 mg Ref. Link : http://thairx.com/dmdrug.asp?did=fdt |
![]() | ขนาดและวิธีใช้ (2) |
![]() | Word Info ID : 6542 Word INFO : ขนาดการใช้ยา (Dosage) : 1.โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ข้ออักเสบเนื่องมาจากความเสื่อมของข้อ โรคกระดูกสันหลังอักเสบที่เรียกว่า Ankylosing Spondylitis ควรเริ่มการรักษาด้วยขนาดใช้ 20 มิลลิกรัม ให้เพียงวันละครั้ง และผู้ป่วยส่วนใหญ่จะใช้ขนาดยา 20 มิลลิกรัมต่อวันในวันต่อไป ในขณะที่ผู้ป่วยส่วนน้อยบางกลุ่มอาจใช้ยาในขนาด 10 มิลลิกรัมต่อวันในวันต่อไป ในผู้ป่วยบางรายอาจต้องใช้ยาขนาดสูงถึง 30 มิลลิกรัมต่อวัน โดยให้เพียงวันละครั้งเดียวหรือแบ่งให้หลาย ๆ ครั้ง การรักษาด้วยขนาด 30 มิลลิกรัม หรือสูงกว่านี้เป็นระยะยาวนาน โอกาสที่จะเกิดมีอาการข้างเคียงในระบบกระเพาะอาหารและลำไส้ของผู้ป่วยก็จะมีมากกว่าผู้ที่ใช้ขนาดยาต่ำกว่านี้ 2.กล้ามเนื้อและเอ็นรอบข้ออักเสบเฉียบพลัน ควรเริ่มการรักษาด้วยขนาดใช้ 40 มิลลิกรัมต่อวันสำหรับ 2 วันแรก โดยให้เพียงวันละครั้งเดียว หรือแบ่งให้หลายครั้ง และควรลดขนาดใช้ลงเหลือเพียงวัน 20 มิลลิกรัม โดยให้ต่อเนื่องกันไปจนครบ 7-14 วัน 3.โรคเก๊าท์ชนิดเฉียบพลัน ควรเริ่มการรักษาด้วยขนาดใช้ 40 มิลลิกรัม ให้เพียงวันละครั้งเดียว และให้ยานี้ต่อไปอีก 4-6 วัน ด้วยขนาดใช้เดียวกันนี้ โดยให้เพียงวันละครั้งเดียวหรือแบ่งให้หลายครั้ง ไม่แนะนำให้ใช้เฟลดีนในผู้ป่วยเป็นโรคเก๊าท์ที่ต้องใช้เวลาในการรักษาเป็นระยะยาวนาน 4.อาการปวดหลังการผ่าตัดและการบาดเจ็บ ขนาดที่แนะนำคือให้ยาครั้งเดียว 20 มิลลิกรัม/วัน ในรายที่ต้องการให้ยาออกฤทธิ์รวดเร็วยิ่งขึ้นควรเริ่มการรักษาใน 2 วันแรกด้วยขนาด 40 มิลลิกรัม/วัน โดยให้ครั้งเดียวหรือแบ่งให้หลายครั้ง และเมื่อรักษาต่อเนื่องกันไปควรลดขนาดที่ใช้ลงเหลือเพียงวันละ 20 มิลลิกรัม 5.อาการปวดประจำเดือน การรักษาอาการปวดประจำเดือนที่ไม่ทราบสาเหตุ ควรเริ่มยาให้เร็วที่สุด เมื่ออาการปวดครั้งแรกเริ่มขึ้น ขนาดที่แนะนำคือ 40 มิลลิกรัมต่อวันในสองวันแรก ต่อไปให้วันละ 20 มิลลิกรัมไปอีก 1-3 วัน แล้วแต่ความจำเป็น 6.โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ในเด็ก ขนาดแนะนำสำหรับเด็กที่ป่วยด้วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ พิจารณาตามน้ำหนักตัวดังนี้ น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ขนาดยาเป็นมิลลิกรัม ต่ำกว่า 15 5 16-2510 26-4515 เกินกว่า 46 20 ควรรับประทานยาวันละครั้งเดียว อาจใช้ชนิด dispersible tablets เพื่อให้ได้ขนาดยาตรงตามต้องการ และควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ Ref. Link : http://thairx.com/dmdrug.asp?did=fdc |
![]() | Word Info ID : 6560 Word INFO : ขนาดการใช้ยา (Dosage) : 1.โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ข้ออักเสบเนื่องมาจากความเสื่อมของข้อ โรคกระดูกสันหลังอักเสบที่เรียกว่า Ankylosing Spondylitis ควรเริ่มการรักษาด้วยขนาดใช้ 20 มิลลิกรัม ให้เพียงวันละครั้ง และผู้ป่วยส่วนใหญ่จะใช้ขนาดยา 20 มิลลิกรัมต่อวันในวันต่อไป ในขณะที่ผู้ป่วยส่วนน้อยบางกลุ่มอาจใช้ยาในขนาด 10 มิลลิกรัมต่อวันในวันต่อไป ในผู้ป่วยบางรายอาจต้องใช้ยาขนาดสูงถึง 30 มิลลิกรัมต่อวัน โดยให้เพียงวันละครั้งเดียวหรือแบ่งให้หลาย ๆ ครั้ง การรักษาด้วยขนาด 30 มิลลิกรัม หรือสูงกว่านี้เป็นระยะยาวนาน โอกาสที่จะเกิดมีอาการข้างเคียงในระบบกระเพาะอาหารและลำไส้ของผู้ป่วยก็จะมีมากกว่าผู้ที่ใช้ขนาดยาต่ำกว่านี้ 2.กล้ามเนื้อและเอ็นรอบข้ออักเสบเฉียบพลัน ควรเริ่มการรักษาด้วยขนาดใช้ 40 มิลลิกรัมต่อวันสำหรับ 2 วันแรก โดยให้เพียงวันละครั้งเดียว หรือแบ่งให้หลายครั้ง และควรลดขนาดใช้ลงเหลือเพียงวัน 20 มิลลิกรัม โดยให้ต่อเนื่องกันไปจนครบ 7-14 วัน 3.โรคเก๊าท์ชนิดเฉียบพลัน ควรเริ่มการรักษาด้วยขนาดใช้ 40 มิลลิกรัม ให้เพียงวันละครั้งเดียว และให้ยานี้ต่อไปอีก 4-6 วัน ด้วยขนาดใช้เดียวกันนี้ โดยให้เพียงวันละครั้งเดียวหรือแบ่งให้หลายครั้ง ไม่แนะนำให้ใช้เฟลดีนในผู้ป่วยเป็นโรคเก๊าท์ที่ต้องใช้เวลาในการรักษาเป็นระยะยาวนาน 4.อาการปวดหลังการผ่าตัดและการบาดเจ็บ ขนาดที่แนะนำคือให้ยาครั้งเดียว 20 มิลลิกรัม/วัน ในรายที่ต้องการให้ยาออกฤทธิ์รวดเร็วยิ่งขึ้นควรเริ่มการรักษาใน 2 วันแรกด้วยขนาด 40 มิลลิกรัม/วัน โดยให้ครั้งเดียวหรือแบ่งให้หลายครั้ง และเมื่อรักษาต่อเนื่องกันไปควรลดขนาดที่ใช้ลงเหลือเพียงวันละ 20 มิลลิกรัม 5.อาการปวดประจำเดือน การรักษาอาการปวดประจำเดือนที่ไม่ทราบสาเหตุ ควรเริ่มยาให้เร็วที่สุด เมื่ออาการปวดครั้งแรกเริ่มขึ้น ขนาดที่แนะนำคือ 40 มิลลิกรัมต่อวันในสองวันแรก ต่อไปให้วันละ 20 มิลลิกรัมไปอีก 1-3 วัน แล้วแต่ความจำเป็น 6.โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ในเด็ก ขนาดแนะนำสำหรับเด็กที่ป่วยด้วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ พิจารณาตามน้ำหนักตัวดังนี้ น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ขนาดยาเป็นมิลลิกรัม ต่ำกว่า 15 5 16-2510 26-4515 เกินกว่า 46 20 ควรรับประทานยาวันละครั้งเดียว อาจใช้ชนิด dispersible tablets เพื่อให้ได้ขนาดยาตรงตามต้องการ และควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ Ref. Link : http://thairx.com/dmdrug.asp?did=fdt |
![]() | ข้อควรระวัง (2) |
![]() | Word Info ID : 6543 Word INFO : ข้อควรระวังและข้อห้ามใช้ (Precaution & Adverse Effects) : 1.ผู้ป่วยเป็นแผลในกระเพาะอาหารที่กำลังลุกลาม 2.ไม่ควรให้เฟลดีนแก่ผู้ป่วยที่เคยแพ้ยานี้มาก่อน ผู้ป่วยที่แพ้ยาแอสไพรินและยาพวกระงับอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตอรอยด์อื่น ๆ อาจเกิดอาการแพ้ยานี้ได้ด้วย ไม่ควรให้เฟลดีนแก่ผู้ป่วยที่มีประวัติว่ายาแอสไพรินและยาพวกระงับอาการอัก เสบที่ไม่ใช่สเตอรอยด์อื่น ๆ ทำให้เกิดอาการหอบหืด ติ่งเนื้องอกในช่องจมูกอักเสบ อาการบวมน้ำจาก angioedema หรือเป็นลมพิษ Ref. Link : http://thairx.com/dmdrug.asp?did=fdc |
![]() | Word Info ID : 6563 Word INFO : ข้อควรระวังและข้อห้ามใช้ (Precaution & Adverse Effects) : 1.ผู้ป่วยเป็นแผลในกระเพาะอาหารที่กำลังลุกลาม 2.ไม่ควรให้เฟลดีนแก่ผู้ป่วยที่เคยแพ้ยานี้มาก่อน ผู้ป่วยที่แพ้ยาแอสไพรินและยาพวกระงับอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตอรอยด์อื่น ๆ อาจเกิดอาการแพ้ยานี้ได้ด้วย ไม่ควรให้เฟลดีนแก่ผู้ป่วยที่มีประวัติว่ายาแอสไพรินและยาพวกระงับอาการอัก เสบที่ไม่ใช่สเตอรอยด์อื่น ๆ ทำให้เกิดอาการหอบหืด ติ่งเนื้องอกในช่องจมูกอักเสบ อาการบวมน้ำจาก angioedema หรือเป็นลมพิษ Ref. Link : http://thairx.com/dmdrug.asp?did=fdt |