จำนวนบทความของคำ "เริม" : 20 เริม เป็น ชื่อโรค |
Click เพื่อดูภาพขนาดใหญ่ |
![]() | ลักษณะทั่วไป (1) |
![]() | Word Info ID : 533 Word INFO : เริม เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเริม พุขึ้นเป็นตุ่มใสเล็ก ๆ พบได้ในคนทุกวัย และมักเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | สาเหตุของโรค (1) |
![]() | Word Info ID : 537 Word INFO : เกิดจากเชื้อเริม หรือเฮอร์ปีส์ ซิมเพลกซ์ (Herpes simplex virus/HSV) ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ HSV-1 (ก่อให้เกิดเริมตามผิวหนังทั่วไป และในช่องปากเป็นส่วนใหญ่) กับ HSV-2 (ก่อให้เกิดเริมที่อวัยวะเพศเป็นส่วนใหญ่) ติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรง ระยะฟักตัวประมาณ 1-2 สัปดาห์ สำหรับโรคเริมที่อวัยวะเพศ ถือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | เชื้อโรค (1) |
![]() | Word Info ID : 10497 Word INFO : เริมเป็นโรคผิวหนังเกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ ?เฮอร์ปีส์? ก่อโรคได้เกือบทุกแห่งของร่างกาย Ref. Link : http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=35 |
![]() | การติดต่อ (2) |
![]() | Word Info ID : 4141 Word INFO : การติดเชื้อ herpes simplex เชื้อ herpes virus [HSV]เป็นสาเหตุที่สำคับของการติดเชื้อที่ผิวหนัง ริมฝีปากและอวัยวะเพศและอาจจะติดเชื้อที่ส่วนอื่นของร่างกายและอาจจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ลักษณะผื่นของโรค herpes จะเหมือนกันไม่ว่าเกิดที่ไหน จะเป็นตุ่มน้ำเล็กๆบนผิวหนังที่อักเสบสีแดง เชื้อ herpes มีสองชนิดคือ -Herpes simplex virus 1 (HSV-1) มักเกิดบริเวณปากและผิวหนังเหนือสะดือขึ้นไปเกิดที่ปากเรียก Herpes labialis โรคนี้ไม่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ -Herpes simplex virus 2 (HSV-2) เชื้อมักเกิดบริเวณอวัยวะเพศและติดต่อโดยเพศสัมพันธ์ เรียก Herpes genitalisเมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายและอยู่ในชั้นของผิวหนังเชื้อจะแบ่งตัวทำให้ผิวหนังเกิดอาการบวมเป็นตุ่มน้ำและเกิดการอักเสบ หลังจากนั้นเชื้อจะเคลื่อนย้ายเข้าสู่ปมประสาท ganglia เป็นเวลานานโดยที่ไม่มีการแบ่งตัวถ้าหากปัจจัยแวดล้อมเหมาะสมเชื้อก็เกิดการแบ่งตัวทำให้เกิดอาการเป็นซ้ำผู้ป่วยที่เป็นเริมที่ริมฝีปากจะมีอัตราการเกิดซ้ำประมาณร้อยละ 20-40 สำหรับเริมที่อวัยวะเพศจะมีอัตราการเกิดเป็นซ้ำประมาณร้อยละ 80 ปัจจัยที่กระตุ้นไม่แน่นชัดเชื่อว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับแสงแดด ไข้ การมีประจำเดือน ความเครียด การเกิดเป็นซ้ำจะมีอาการน้อยกว่าและหายเร็วกว่าการเกิดเป็นครั้งแรก Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Health/Photo_teaching/herpes_simplex.htm |
![]() | Word Info ID : 10499 Word INFO : เราสามารถตรวจพบเชื้อไว้รัสนี้ในตุ่มน้ำและแผลถลอกที่รอยโรคเริม เชื้อกระจายสู่ผู้อื่นได้ทางการสัมผัสทางกาย จูบ ร่วมเพศ โดยแทรกเข้าทางเยื่อบุ หรือผิวหนังที่ถลอกเป็นแผล แล้วก่อให้เกิดผื่นเริมใน 2-20 วันหลังรับเชื้อ หรือในรายที่มีร่างกายแข็งแรงอาจไม่ปรากฏรอยโรคเริมเลยก็ได้ หลังจากนั้นเชื้อหลบแฝงตัวที่ปมประสาท ไม่ก่อรอยโรคเริม จนกว่าจะถูกกระตุ้น ก็จะกลับมาก่อรอยโรคเริมอีกครั้ง อะไรคือ ?ตัวกระตุ้น? โรคเริมให้เกิดซ้ำ ? ?ตัวกระตุ้น? ดังกล่าวได้แก่ ภาวะที่ร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำลง พักผ่อนไม่เพียงพอ อ่อนเพลียขาดสารอาหาร ความเครียด วิตกกังวล ผู้หญิงใกล้มีประจำเดือน ผิวหนังอักเสบ เสียดสีกับเครื่องแต่งกายรัด ๆ การหลีกเลี่ยง ?ตัวกระตุ้น? เหล่านี้อาจทำให้การเกิดเป็นซ้ำของเริมห่างออกไป Ref. Link : http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=35 |
![]() | อาการของโรค (4) |
![]() | Word Info ID : 540 Word INFO : มักจะมีอาการแสบ ๆ คัน ๆ นำมาก่อนเล็กน้อย แล้วมีตุ่มน้ำใสขนาด 2-3 มิลลิเมตรขึ้นอยู่กันเป็นกลุ่ม โดยรอบจะเป็นผื่นแดง ต่อมาตุ่มน้ำใสนี้จะกลายเป็นสีเหลืองขุ่น แล้วแตกกลายเป็นสะเก็ด หายไปได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ (เร็วสุด 3 วัน) ลักษณะของตุ่มใสที่อยู่กันเป็นกลุ่มแบบนี้ ชาวบ้านบางแห่ง จึงเรียกโรคนี้ว่า "ขยุ้มตีนหมา" ตำแหน่งที่พบบ่อย ได้แก่ ริมฝีปาก แก้ม จมูก หู ตา ก้น อวัยวะสืบพันธุ์ นอกจากนี้ ต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียงมักจะโต และเจ็บด้วย เมื่อหายแล้ว เชื้อจะหลบไปที่ปมประสาท แล้วอาจโผล่ขึ้นมาใหม่ ทำให้โรคกำเริบได้บ่อย ๆ ประมาณปีละ 1-4 ครั้ง มักเกิดหลังมีไข้ ถูกแดดจัด อาหารไม่ย่อย ร่างกายอิดโรย อารมณ์เครียด ระหว่างมีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์ เริมที่อวัยวะเพศ (Herpes genitalis) ติดต่อโดยการร่วมเพศกับกันคนที่เป็นโรคนี้อยู่ก่อน หลังจากนั้น 4-7 วัน จะมีอาการแสบ ๆ คัน ๆ ต่อมาจะขึ้นเป็นตุ่มใส ๆ เล็ก ๆ หลายตุ่มที่อวัยวะเพศ ในผู้ชาย อาจขึ้นที่หนังหุ้มปลายองคชาต ที่ตัวหรือที่หัวองคชาต ส่วนผู้หญิง อาจขึ้นที่ปากช่องคลอด ในช่องคลอด หรือที่ปากมดลูก ต่อมาตุ่มใสเหล่านี้จะแตกกลายเป็นแผลเล็ก ๆ หลายแผลคล้าย ๆ แผลถลอกและมีอาการเจ็บ แล้วแผลจะค่อย ๆ หายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยไม่มีแผลเป็น ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ (ไข่ดัน) จะโตและเจ็บด้วย เมื่อเคยเป็นครั้งหนึ่งแล้ว เชื้อจะหลบไปที่ปมประสาท เมื่อร่างกายทรุดโทรม หรือมีการเสียดสี (การร่วมเพศ) เชื้อก็จะโผล่ขึ้นมาทำให้เกิดโรคได้อีกโดยไม่ได้ติดเชื้อจากการร่วมเพศมาใหม่ ดังนั้นคนที่เคยเป็นโรคนี้ ก็อาจจะมีอาการกำเริบซ้ำ ๆ ซาก ๆ (ประมาณปีละ 3-4 ครั้ง) เมื่อร่างกายมีภูมิต้านทานโรคนี้ก็อาจจะหายขาดไปได้เอง ถือเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของอาการเป็นแผลที่อวัยวะเพศ เริมที่ริมฝีปาก (Herpes labialis หรือ Fever blister) มักขึ้นที่บริเวณผิวหนังใกล้ ๆ ริมฝีปาก อาจพบร่วมกับไข้หวัด ปอดบวม มาลาเรีย การติดเชื้อสเตรปโตค็อกคัส (เช่น ทอนซิลอักเสบ) เชื้อเมนิงโกค็อกคัส (โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ดูโรคที่ 66) และเชื้อริกเกตเซีย (เช่น ไข้ไทฟัส ดูโรคที่ 226) เริมในช่องปาก มักพบในเด็ก 1-5 ปี เริ่มพุเป็นตุ่มน้ำเจ็บปวด แล้วแตกเป็นแผลตื้น ๆ มีฝ้าขาว หรือเลือดแห้งกรัง บริเวณกระพุ้งแก้ม เหงือก เพดานปาก ลิ้น อาจรุนแรงจนกินอาหารไม่ได้ Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 4144 Word INFO : อาการของการติดเชื้อ herpes simplex อาการเริมต้นจะมีอาการปวดแสบปวดร้อนตำแหน่งที่ได้รับเชื้ออาการของการติดเชื้อที่ปากและที่อวัยวะเพศจะเหมือนๆกันเพียงแต่ขึ้นกันคนละที่อาการจะแบ่งเป็น การเป็นครั้งแรก Primary Infection ระยะปลอดอาการ Latency and Shedding และอาการกลับเป็นซ้ำ Recurring Infections Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Health/Photo_teaching/herpes_simplex.htm |
![]() | Word Info ID : 4147 Word INFO : 1.การเป็นครั้งแรก Primary Infection เริ่มด้วยอาการปวดแสบร้อนต่อมาจะมีอาการบวมและอีก 2-3 วันจะมีตุ่มน้ำใสเกิดบนฐานสีแดงตุ่มน้ำแตกออกใน 24 ชั่วโมงและตกสะเก็ด ตุ่มอาจจะรวมเป็นกลุ่มใหญ่และเป็นแผลกว้างทำให้ปวดมาก แผลจะหายใน 2-3 สัปดาห์ตำแหน่งที่พบบ่อยได้แก่ ปาก ริมฝีปาก ตา เมื่อแผลแห้งแล้วจะไม่ติดต่อระหว่างที่เป็นผื่นต่อมน้ำเหลืองใกล้ๆอาจจะโตและอาจจะมีไข้ปวดเมื่อยตามตัว 2.ระยะปลอดอาการ Latency and Shedding ช่วงนี้เชื้ออยู่ในร่างกายโดยที่ไม่เกิดอาการอะไร เชื้ออาจจะแบ่งตัวและสามารถติดต่อได้โดยเฉพาะเชื้อที่อวัยวะเพศแม้ว่าจะไม่มีผื่น 3.อาการกลับเป็นซ้ำ Recurring Infections มีอาการน้อยกว่า และเป็นพื้นที่น้อยกว่าไม่ค่อยมีไข้ และมักเป็นบริเวณใกล้กับที่เดิมโดยเฉพาะที่อวัยวะเพศอาจจะกลับเป็นซ้ำได้ 5 ครั้งต่อปี Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Health/Photo_teaching/herpes_simplex.htm |
![]() | Word Info ID : 10498 Word INFO : พบได้บ่อย 2 บริเวณ ได้แก่ ? เริมที่ริมฝีปาก ? เริมบริเวณอวัยวะเพศ ก้น รอยโรคของเริมมีลักษณะเริ่มต้นเป็นตุ่มน้ำพองใสเหมือนหยดน้ำเล็ก ๆ มีขอบแดง มักขึ้นรวมกันเป็นกลุ่ม ต่อมาตุ่มน้ำเหล่านี้จะแตกเป็นแผลถลอกตื้น ๆ และหายไปในที่สุด ถ้าไม่ได้รับเชื้อหนองซ้ำเติม การติดเชื้อครั้งแรก อาการและรอยโรคจะค่อนข้างรุนแรงมีไข้ปวดเมื่อย หรือต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียงกับรอยโรค อักเสบร่วมด้วย เช่น ถ้าเป็นเริมที่อวัยวะเพศ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบอักเสบ หรือถ้าเป็นเริมที่ริมฝีปาก ต่อมน้ำเหลืองที่คออักเสบได้ เป็นต้น ถ้าไม่ได้รับการรักษาแผลจะหายภายใน 2-3 สัปดาห์โรคเริมที่เกิดซ้ำ อาการและรอยโรคไม่ค่อยรุนแรงเหมือนครั้งแรก ผู้ป่วยจะมี ?อาการเตือน? นำตุ่มน้ำมาก่อนประมาณ 2 ชม. ? 3 วัน เช่นเจ็บเสียวแปลบ ๆ คันยุบยิบ ปวดแสบปวดร้อนในบริเวณรอยโรคเดิม แผลจะหายเร็วภายใน 7-10 วัน ยกเว้นในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ได้แก่ ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยมะเร็ง รอยโรคอาจรุนแรงหรือเป็นแผลเรื้อรังได้ Ref. Link : http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=35 |
![]() | สิ่งที่ตรวจพบ (2) |
![]() | Word Info ID : 548 Word INFO : อาจตรวจพบตุ่มน้ำใสขนาด 2-3 มม.อยู่กันเป็นกลุ่มหรืออาจพบตุ่มตกสะเก็ด หรือแผลเล็ก ๆ คล้ายรอยถลอก และอาจตรวจพบต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียงโต Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 4165 Word INFO : การวินิจฉัย-สามารถทำได้โดยการซักประวัติและการตรวจร่างกายพบผื่นดังกล่าวข้างต้น -การเพาะเชื้อไวรัสโดยการนำน้ำใต้ตุ่มใสไปเพาะเชื้อโดยเฉพาะควรจะนำหลังจากเกิดผื่นแล้วไม่เกิน 3 วันการตรวจนี้ไม่ได้ผลในรายที่ผื่นตกสะเก็ด หรือผื่นของการกลับเป็นซ้ำ -การตรวจโดยกล้องจุลทัศน์โดยการนำเนื้อเยื่อไปส่องกล้องพบเซลล์ตัวโต Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Health/Photo_teaching/herpes_simplex.htm |
![]() | โรคแทรกซ้อน (2) |
![]() | Word Info ID : 553 Word INFO : ส่วนใหญ่มักจะหายได้เอง แล้วอาจกำเริบเป็นครั้งคราว ส่วนน้อยที่อาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ตุ่มกลายเป็นหนองพุพองจากการอักเสบซ้ำของเชื้อแบคทีเรีย อาจทำให้เป็นสมองอักเสบ ซึ่งพบได้น้อยมาก ถ้าเกิดที่ตา อาจทำให้กระจกตาอักเสบ (Keratitis) ถึงกับตาบอดได้ ถ้าเกิดในผู้หญิงระหว่างตั้งครรภ์ เชื้ออาจผ่านไปยังทารก ทำให้ทารกพิการตั้งแต่อยู่ในครรภ์ได้ ถ้าเกิดในช่องคลอดของหญิงครรภ์แก่ ทารกที่คลอดออกมาอาจได้รับเชื้อ กลายเป็นโรคเริมชนิดรุนแรง อาจถึงตายได้ จึงควรแนะนำให้ผ่าตัดเอาเด็กออกทางหน้าท้อง เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อทางช่องคลอด ถ้าเกิดที่ปากมดลูก อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก (237) ได้ Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 4162 Word INFO : โรคแทรกซ้อนของการติดเชื้อ herpes simplex -การตั้งครรภ์และการติดเชื้อ herpes simplex พบว่าคนท้องที่ติดเชื้อประมาณร้อยละ 0.01.0.04 อาจจะเกิดการแท้ง คลอดก่อนกำหนด เด็กเจริญเติบโตช้าโดยเฉพาะการติดเชื้อใกล้คลอดดังนั้นแนะนำว่าควรจะรักษาหากเกิดการติดเชื้อเมื่อใกล้คลอด การติดเชื้อครั้งแรกจะเกิดโรคแทรกซ้อนได้บ่อยกว่าการติดเชื้อที่กลับเป็นซ้ำ -Herpes Encephalitis เกิดจากเชื้อที่อยู่ในระยะ Latency และเกิดการแบ่งตัวผู้ป่วยอาจจะเสียชีวิตหากไม่ได้รักษาแต่โชคดีที่พบน้อย -Herpes Meningitis พบได้ร้อยละ 4-8 ในคนที่เป็น primary genital HSV-2พบมากในผู้หญิงแต่ไม่ต้องตกใจเนื่องจากหายเองใน 2-7วันผู้ป่วยจะปวดศีรษะ อาเจียน และมีไข้ -ผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องจาก ยา เช่น steroid มะเร็ง ยารักษามะเร็งหากผู้ป่วยกลุ่มนี้ติดเชื้อ herpes simplex จะเป็นรุนแรงมีโรคแทรกซ้อนปอดบวม ตับอักเสบ สมองอักเสบ -การติดเชื้อที่ตา อาจจะทำให้ตาพร่ามัว ในรายที่เป็นรุนแรงอาจจะทำให้ตาบอด Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Health/Photo_teaching/herpes_simplex.htm |
![]() | วิธีการรักษา (3) |
![]() | Word Info ID : 559 Word INFO : 1. ให้การรักษาตามอาการ เช่น ถ้าปวดหรือมีไข้ ให้ยาแก้ปวดลดไข้ (ย1) ถ้ารู้สึกแสบ ๆ คัน ๆ ให้ทาด้วยยาแก้ผดผื่นคัน (ย25.5) ขณะพุเป็นตุ่มน้ำใสในระยะเริ่มแรก อาจใช้เข็มปราศจากเชื้อสะกิดให้แตก แล้วใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีน (เบตาดีน) แอลกอฮอล์ หรือ ทิงเจอร์ใส่แผลสด (Merthiolate) เช็ดแผลวันละ 2-3 ครั้ง จะช่วยให้แผลแห้งเร็วขึ้น ถ้าพบขณะตุ่มแตกเป็นแผลแล้ว ก็ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดวันละ 2-3 ครั้ง ห้ามใช้ยาทาพวกสเตอรอยด์ (ย25.6) อาจทำให้แผลลุกลาม หายยาก หรือติดเชื้อแทรกซ้อนได้ ถ้าแผลติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนเป็นหนองเฟะ (ซึ่งพบได้น้อยมาก) ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น คล็อกซาซิลลิน (ย4.3) หรือ อีริโทรไมซิน (ย4.4) นาน 5-7 วัน 2. เด็กที่เป็นเริมในช่องปาก ให้ดื่มน้ำบ่อย ๆ บ้วนปากด้วยน้ำเกลือบ่อย ๆ แล้วใช้กลีเซอรีน โบแรกซ์ (ย25.8) หรือ เจนเชียนไวโอเลต (ย25.7) ป้ายภายในช่องปาก วันละ 3-4 ครั้ง ถ้ามีไข้ให้พาราเซตามอล (ย1.2) และถ้ากินไม่ได้ อาจต้องให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ 3. ถ้าเป็นรุนแรงหรือขึ้นในตาดำ ควรส่งโรงพยาบาลภายใน 24 ชั่วโมง ในปัจจุบันมียาต้านไวรัส ได้แก่ อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) ซึ่งมีชื่อทางการค้า เช่น โซวิแรกซ์ (Zovirax) ยานี้จะใช้ในกรณีที่มีอาการสมองอักเสบจากเชื้อเริม ทารกแรกเกิดที่ติดเชื้อเริมระหว่างคลอด กระจกตาอักเสบจากเชื้อเริม สำหรับกระจกตาอักเสบจากเชื้อเริม ควรปรึกษาจักษุแพทย์ อาจต้องใช้ขี้ผึ้งป้ายตา อะไซโคลเวียร์ชนิด 3 % ป้ายตาทุก 2-3 ชั่วโมงในสัปดาห์แรก และป้ายต่ออีกราว 1 สัปดาห์ สำหรับเริมที่อวัยวะเพศ ที่เพิ่งเป็นครั้งแรก และมีอาการไม่เกิน 5 วัน ให้กินยาเม็ดอะไซโคลเวิยร์ ขนาด 200 มิลลิกรัม ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 5 ครั้ง ห่างกันทุก 4 ชั่วโมง (เว้นช่วงนอนหลับตอนกลางคืน) หรือ ครั้งละ400 มก.ทุก 8 ชั่วโมง หรือ ครั้งละ 800 มก. ทุก 12 ชั่วโมง นาน 5-10 วัน ทั้งนี้เพื่อย่นระยะให้หายเร็วขึ้น และลดการแพร่โรค แต่ไม่มีผลในการป้องกันการกลับเป็นซ้ำ ส่วนการใช้ครีมอะไซโคลเวียร์ ขนาด 5% ทาแผลเริมวันละ 4 ครั้ง 5-7 วัน อาจทำให้ผื่นหายเร็วขึ้น แต่ได้ผลสู้ชนิดกินไม่ได้ Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 4168 Word INFO : การรักษา มียารับประทานให้เลือก 3 ตัวให้เลือกในการรักษา ยาทั้ง 3 ตัวมิไดให้หายขาดเพียงแต่ลดความรุนแรง ลดความถี่และลดระยะเวลาที่เป็น ยาทั้ง 3 ได้แก่ Acyclovir,Valacyclovir,Famciclovir การให้ยามีได้ 2 ลักษณะคือ 1.Acute therapy หมายถึงการเริ่มให้ยาตั้งแต่เริ่มมีอาการคือปวดแสบปวดร้อนโดยที่ยังไม่มีผื่นขึ้น ถ้ามีผื่นขึ้นจะไม่ได้ผล ให้ยาครบ 5 วัน 2.Suppress therapy คือการให้ยาเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำจะเลือกให้ในรายที่เกิดกรกลับเป็นซ้ำบ่อย หรือมีโรคประจำตัว สำหรับยาทายังไม่มียาทาที่ได้ผลดี ยาทาอาจจะได้ผลในแง่ลดอาการปวด ทำให้ผื่นแห้งเร็วยาที่นิยมใช้คือ acyclovir ครีมซึ่งได้ผลเฉพาะ primary lesion ยาทาไม่ช่วยลดจำนวนเชื้อหรือลดระยะเวลาที่เป็นโรค สำหรับยาอื่นต้องเลือกให้ดีเพราอาจจะมีแอลกอฮอล์ หรือสารที่ระคายอย่างอื่นซึ่งทำให้แผลหายช้า ยาซึ่งมีส่วนผสมของ steroid ก็ไม่ควรใช้เพราะแผลจะหายช้า Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Health/Photo_teaching/herpes_simplex.htm |
![]() | Word Info ID : 10501 Word INFO : ในปัจจุบันยังไม่มียาใดที่ทำให้โรคนี้หายขาดได้ ถึงแม้ว่ายาต้านไวรัสจะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดความรุนแรงของอาการ แผลหายเร็วขึ้น แต่ยังมีราคาค่อนข้างแพงในรายที่เป็นเริมถี่มากจนรบกวนการดำเนินชีวิต หรือเป็นถี่มากกว่า 6 ครั้งต่อปี ควรปรึกษาแพทย์ซึ่งจะพิจารณาใช้ยาต้านไวรัสขนาดต่ำ เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ หรือลดความถี่ของเริมต่อไป Ref. Link : http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=35 |
![]() | คำแนะนำ (3) |
![]() | Word Info ID : 561 Word INFO : 1. พยายามให้ความมั่นใจแก่ผู้ป่วยว่า โรคนี้ถึงแม้จะเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง แต่โดยทั่วไปก็ไม่ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงแต่อย่างใด ไม่ควรเปลี่ยนหมอ เปลี่ยนโรงพยาบาลบ่อย ยกเว้นในผู้หญิง ถ้าเป็นที่ปากมดลูก ควรตรวจหาเชื้อมะเร็งปากมดลูกปีละครั้ง ถ้าเป็นระหว่างตั้งครรภ์ หรือใกล้คลอด ควรแนะนำไปพบแพทย์ อาจต้องผ่าตัดเอาเด็กออกทางหน้าท้อง 2. ถ้าเป็นเริมที่อวัยวะเพศ ควรงดร่วมเพศจนกว่าแผลเริมจะหาย หรือไม่ก็ควรป้องกันการแพร่เชื้อโดยการใช้ถุงยางอนามัย 3. ถึงแม้ยังไม่มีวิธีรักษาโรคเริมให้หายขาด ไม่ให้เป็นซ้ำ แต่คณะกรรมการอาหารและยา สหรัฐอเมริกา ได้แนะนำว่า ในรายที่เป็นเริมที่อวัยวะเพศ กำเริบตั้งแต่ปีละ 6 ครั้งขึ้นไป ให้กินอะไซโคลเวียร์ (200 มก.) ครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง เช้า และเย็น นาน 1 ปี จะช่วยระงับอาการกำเริบให้ห่างขึ้นได้ และมีความปลอดภัยจากยาสูง 4. ผู้ที่เป็นโรคเริมกำเริบถี่มาก หรือเป็นรุนแรง ควรตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี เพราะอาจพบว่าเป็นเอดส์ได้ 5. ครีมพญายอ ขององค์การเภสัชกรรม ซึ่งทำจากสมุนไพร ได้ผ่านการศึกษาวิจัยแล้วพบว่า สามารถรักษาเริมที่อวัยวะเพศที่เป็นครั้งแรก ได้ผลพอ ๆ กับครีมอะไซโคลเวียร์ (ซึ่งประสิทธิผลสู้อะไซโคลเวียร์ ชนิดกินไม่ได้) และไม่สามารถป้องกันการกำเริบซ้ำ ส่วนเริมที่กำเริบซ้ำ จะใช้ยาทาเหล่านี้ไม่ได้ผล Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 4158 Word INFO : ปัจจัยกระตุ้นในการกลับเป็นซ้ำ -สิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นได้แก่ การถูไถ การสัมผัสลม แสง ความเย็น เสื้อผ้าคับๆ เหงื่อ -ความเครียด -อาหารได้แก่ ถั่ว กาแฟ แอลกอฮอล์ ช็อกโกแลต -การมีประจำเดือน -การนอนหลับ ความเครียด ไข้ ใครมีปัจจัยเสี่ยงในการได้รับเชื้อ herpes simplex ทุกๆคนจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อ herpes simplex โดยเฉพาะกลุ่มที่มีฐานะไม่ดี โดยเชื้อ (HSV-1) จะติดต่อทางสารหลั่งในปาก ส่วน (HSV-2) จะติดต่อทางอวัยวะเพศ ทวารหนัก เมื่อเชื้อเข้าทางผิวหนังเชื้อจะไปตามเส้นประสาททำให้เชื้อลามเป็นบริเวณกว้างและอาจจะเกิดผื่นที่บริเวณใหม่ -ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อเริมที่ปากคือวัยเด็กอายุ 4-5 ปีมักติดต่อทางการสัมผัสเช่นการใช้ของร่วมกัน การจูบ ไม่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เชื้อนี้สามารถติดต่อจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งโดยเฉพาะที่ตาโดยการสัมผัสด้วยมือดังนั้นต้องล้างมือให้สะอาด -ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อเริมที่อวัยวะเพศมักเกิดในผู้ที่มีคู่ขาหลายคน การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก oral sex ซึ่งเชื้อที่เป็นสาเหตุมักจะเป็น type 1 การป้องกันการติดเชื้อควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้ถุงยางคุมกำเนิดขณะมีอาการติดเชื้อ -การเป็นเริมในทารกมักจะติดเชื้อในแม่ที่ติดเชื้อ HSV-2 และมีการคลอดก่อนกำเนิดหรือต้องใช้เครื่องมือในการคลอด -ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงอย่างอื่นเช่น นักมวยปล้ำ นักรักบี้ นักมวย ผู้ป่วยโรคเอดส์ มีการศึกษาว่าแม้จะไม่มีผื่นหรืออาการเชื้อก็สามารถแพร่ออกมาได้ ดังนั้นไม่มีหลักประกันว่าการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่มีอาการจะปลอดภัยจากโรคเริม Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Health/Photo_teaching/herpes_simplex.htm |
![]() | Word Info ID : 10500 Word INFO : ปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อเป็นโรคเริม ? - หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลเริม เพราะอาจแพร่เชื้อไปสู่บริเวณอื่นของร่างกายหรือติดต่อผู้อื่นได้ - ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ หลังเข้าห้องน้ำ อย่าขยี้ตา - เมื่อมีแผลเริมที่ริมฝีปาก ห้ามจูบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก ผู้หญิงมีครรภ์ - งดการมีเพศสัมพันธ์ ตั้งแต่เริ่มมี ?อาการเตือน? จนกระทั่งแผลหาย เพราะเป็นช่วงปล่อยเชื้อ ถึงแม้ใช้ถุงยางอนามัยก็ไม่ปลอดภัย 100% Ref. Link : http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=35 |
![]() | อื่นๆ (1) |
![]() | Word Info ID : 562 Word INFO : ผู้หญิงที่เป็นเริมที่ปากมดลูก ควรตรวจเชื้อมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |