จำนวนบทความของคำ "ริดสีดวงทวาร" : 80 ริดสีดวงทวาร เป็น ชื่อโรค |
Click เพื่อดูภาพขนาดใหญ่ |
![]() | ลักษณะทั่วไป (15) |
![]() | Word Info ID : 514 Word INFO : ริดสีดวงทวาร เป็นภาวะที่หลอดเลือดดำที่มีอยู่ตามธรรมชาติของคนทั่วไป ในบริเวณทวารหนักเกิดการปูดพองเป็นหัว เรียกว่าหัวริดสีดวง แล้วมีการปริแตกของผนังหลอดเลือดขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ ทำให้มีเลือดออกเป็นครั้งคราว อาจพบเป็นเพียงหัวเดียวหรือหลายหัวก็ได้ ถ้าเกิดจากหลอดเลือดดำที่อยู่ใต้ผิวหนังตรงปากทวารหนัก เรียกว่า ริดสีดวงภายนอก (external hemorrhoid) ซึ่งอาจมองเห็นจากภายนอกได้ ถ้าเกิดจากหลอดเลือดที่อยู่ลึกเข้าไปเรียกว่า ริดสีดวงภายใน (internal hemorrhoid) ซึ่งจะตรวจพบ เมื่อใช้เครื่องมือส่องทวารหนัก เป็นโรคที่พบได้บ่อย และพบเป็นสาเหตุอันดับแรก ๆ ของอาการถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด โดยทั่วไปจะไม่ค่อยมีอาการรุนแรง หรืออันตราย แต่อาจเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง น่ารำคาญ หรือทำให้วิตกกังวล โดยมากมักจะมีอาการเวลาท้องผูก หรือท้องเดินบ่อยครั้ง Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 8931 Word INFO : ลักษณะทั่วไป ริดสีดวงทวาร เป็นภาวะที่หลอดเลือดดำที่มี อยู่ตามธรรมชาติของคนทั่วไป ในบริเวณ ทวารหนักเกิดการปูดพองเป็นหัว เรียกว่าหัว ริดสีดวง แล้วมีการปริแตกของผนังหลอด เลือดขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ ทำให้มีเลือด ออกเป็นครั้งคราว อาจพบเป็นเพียงหัวเดียว หรือหลายหัวก็ได้ ถ้าเกิดจากหลอดเลือดดำ ที่อยู่ใต้ผิวหนังตรงปากทวารหนัก เรียกว่า ริดสีดวงภายนอก (external hemorrhoid) ซึ่งอาจมองเห็นจากภายนอกได้ ถ้าเกิดจาก หลอดเลือดที่อยู่ลึกเข้าไปเรียกว่า ริดสีดวงภายใน (internal hemorrhoid) ซึ่งจะตรวจ พบเมื่อใช้เครื่องมือส่องทวารหนัก เป็นโรคที่พบได้บ่อย และพบ เป็นสาเหตุอันดับแรก ๆ ของอาการถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด โดยทั่วไปะไม่ค่อยมีอาการรุนแรง หรืออันตราย แต่อาจเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง น่ารำคาญ หรือทำให้วิตกกังวล โดยมากมักจะมีอาการเวลาท้องผูก หรือท้องเดินบ่อยครั้ง Ref. Link : http://www.thailabonline.com/sec51hemor.htm |
![]() | Word Info ID : 8940 Word INFO : ริดสีดวงทวารเป็นเนื้อเยื่อหลอดเลือดดำบวกเยื่อเกี่ยวพันของทวารหนักที่ปลิ้นออกมาทางช่องทวารหนัก (ตรงที่มีกล้ามเนื้อหูรูด) ปกติในทวารหนักของคนเราเหนือช่องทวารหนักมีเนื้อเยื่ออ่อน ซึ่งประกอบด้วยหลอดเลือดดำกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพันเป็นหลัก มันทำหน้าที่เหมือนจุกก๊อกลงมาอุดช่องทวารหนักไม่ให้รั่ว คือ สามารถอั้นอุจจาระไว้ได้ เวลาคนเราถ่ายอุจจาระทุกครั้งเนื้อเยื่อนี้จะถูกครูดดันให้ปลิ้นโผล่ออกมานอกทวาร แต่เมื่อถ่ายเสร็จแล้วมันจะคืนกลับตำแหน่งปกติของมันในทวารหนัก การปลิ้นเข้าๆ ออกๆ เป็นแรมปีทำให้เกิดการสึกหรอ Ref. Link : http://www.elib-online.com/doctors46/med_hemorroids001.html |
![]() | Word Info ID : 8945 Word INFO : ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid) เป็นโรคหนึ่งที่พบได้ทั่วไปและพบเป็นสาเหตุแรกๆ ของการถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด ริดสีดวงทวารเป็นภาวะที่มีความดันในหลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักสูงขึ้นจนทำให้หลอดเลือดเกิดการโป่งพองเกิดเป็นลักษณะที่เรียกว่าหัวริดสีดวงทวาร เมื่อมีความดันในหลอดเลือดดำมากขึ้น ท้ายที่สุดผนังหลอดเลือดดังกล่าวจะเกิดการปริแตกทำให้เกิดเลือดออกและมีแผลเกิดขึ้น หากเกิดภาวะเช่นนี้ที่หลอดเลือดดำบริเวณปากทวารหนักเรียกว่าริดสีดวงภายนอก (external hemorrhoid) ซึ่งสามารถมองเห็นหรือคลำพบหัวริดสีดวงทวารได้จากภายนอก แต่ถ้าเกิดที่หลอดเลือดดำที่อยู่ลึกเข้าไปเรียกว่าริดสีดวงภายใน (internal hemorrhoid) ซึ่งจะตรวจพบด้วยการส่องกล้องดูไส้ตรง (rectal) Ref. Link : http://www.pharm.su.ac.th/thai/Organizations/DIS/Articles/health001... |
![]() | Word Info ID : 8954 Word INFO : ริดสีดวงทวาร เป็นโรคหนึ่งที่พบได้บ่อยในหมู่คนทั่วไป เกิดจากเส้นเลือดดำขอดที่เกิดขึ้นในบริเวณทวารหนัก ซึ่งอาจเป็นพร้อมกันหลายที่ ถ้าเกิดจากเส้นเลือดดำที่อยู่ใต้ผิวหนังตรงปากทวารหนัก เรียกว่า ริดสีดวงภายนอก ซึ่งอาจมองเห็นจากภายนอกได้ ถ้าเกิดจากเส้นเลือดที่อยู่ลึกเข้าไป เรียกว่า ริดสีดวงภายใน ซึ่งจะตรวจพบ เมื่อใช้เครื่องมือส่องทางทวารหนัก ถ้าเกิดจากเส้นเลือดดำขอดที่เกิดขึ้นพร้อมกันหลายที่ทั้งภายในและภายนอกทวารหนัก เรียกว่า ริดสีดวงทวารทั้งภายในและภายนอก Ref. Link : http://www.pharm.chula.ac.th/osotsala/otcproject/hem.html |
![]() | Word Info ID : 8958 Word INFO : หมายถึง การมีกลุ่มของหลอดเลือดดำบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่ และที่ขอบรูทวารหนักโป่งพองและยื่นออกมา Ref. Link : http://www.mahidol.ac.th/mahidol/ra/rans/Resources/PublicEdu/hemaro... |
![]() | Word Info ID : 8966 Word INFO : คือ การโป่งพองของหลอดเลือดดำบริเวณส่วนล่างสุดของ ไส้ตรง และช่องทวารหนัก และเมื่อมีกากอาหารหรืออุจจาระผ่าน ก็จะทำให้เกิดการระคายเคือง อาจมีเลือดออก คันบริเวณทวารหนัก หรือปวดขณะขับถ่าย ริดสีดวงทวารแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ริดสีดวงภายใน จะอยู่ภายในไส้ตรง ซึ่งจะไม่สามารถมองเห็นหรือรู้สึกได้ และมักจะไม่รู้สึกเจ็บปวด เนื่องจากมีเส้นประสาทมาเลี้ยงน้อย บางครั้งริดสีดวงภายในอาจยื่นออกมาด้านนอก ซึ่งจะทำให้มองเห็นได้ และจะมีอาการเจ็บปวด ริดสีดวงภายใน แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ 1. ไม่มีก้อนยื่นออกมานอกทวารหนัก 2. มีก้อนยื่นออกมาขณะเบ่งอุจจาระ และหดกลับเข้าไปได้เอง 3. มีก้อนยื่นออกมาขณะเบ่งอุจจาระ แต่ไม่หดกลับเข้าไปต้องใช้มือช่วยดันเข้าไป 4. มีก้อนยื่นออกมาและไม่สามารถใช้มือดันเข้าไปได้ ริดสีดวงภายนอก จะอยู่บริเวณทวารหนัก มักจะมีอาการเจ็บปวด สามารถมองเห็นและรู้สึกได้ Ref. Link : http://www.comm.rtaf.mi.th/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%... |
![]() | Word Info ID : 8970 Word INFO : คือ การโป่งพองของหลอดเลือดดำบริเวณส่วนล่างสุดของ ไส้ตรง และช่องทวารหนัก และเมื่อมีกากอาหารหรืออุจจาระผ่าน ก็จะทำให้เกิดการระคายเคือง อาจมีเลือดออก คันบริเวณทวารหนัก หรือปวดขณะขับถ่าย ริดสีดวงทวารแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ริดสีดวงภายใน จะอยู่ภายในไส้ตรง ซึ่งจะไม่สามารถมองเห็นหรือรู้สึกได้ และมักจะไม่รู้สึกเจ็บปวด เนื่องจากมีเส้นประสาทมาเลี้ยงน้อย บางครั้งริดสีดวงภายในอาจยื่นออกมาด้านนอก ซึ่งจะทำให้มองเห็นได้ และจะมีอาการเจ็บปวด ริดสีดวงภายใน แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ 1.ไม่มีก้อนยื่นออกมานอกทวารหนัก 2.มีก้อนยื่นออกมาขณะเบ่งอุจจาระ และหดกลับเข้าไปได้เอง 3.มีก้อนยื่นออกมาขณะเบ่งอุจจาระ แต่ไม่หดกลับเข้าไปต้องใช้มือช่วยดันเข้าไป 4.มีก้อนยื่นออกมาและไม่สามารถใช้มือดันเข้าไปได้ ริดสีดวงภายนอก จะอยู่บริเวณทวารหนัก มักจะมีอาการเจ็บปวด สามารถมองเห็นและรู้สึกได้ Ref. Link : http://www.barascientific.com/webboard/show.php?Category=variety&No=92 |
![]() | Word Info ID : 8974 Word INFO : ริดสีดวง (Hemorrhoids or Haemorrhoids) เป็นอาการเส้นเลือดขอดชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นบริเวณรอบ ๆ ทวารหนัก (Anus) และลำไส้ส่วนล่าง เมื่อมีการหมุนเหวียนโลหิตไม่ดี เส้นเลือดดำในไส้ตรง (rectal) นั้นไม่มีลิ้นเปิดปิด ดังนั้นปัจจัยที่เพิ่มการอุดตันของการไหลของเลือดในบริเวณดังกล่าว จะทำให้เกิดการก่อตัวของริดสีดวงขึ้น สาเหตุของริดสีดวงทวาร ได้แก่ความอ่อนแอของเส้นเลือดดำอันเนื่องมาจากพันธุกรรม การมีอาการท้องผูกบ่อย ๆ และ/หรือ ความดันในเส้นเลือดดำอันเนืองมาจากความตรึงเครียดระหว่างมีอาการไม่ถ่าย ท้องเสีย ตั้งครรภ์ ยืนหรือนั่งนานและยกของหนัก ๆ ริดสีดวงทวารนั้นแบ่งได้ตามบริเวณที่เกิดและความากน้อยของอาการรุนแรง ริดสีดวงภายนอก (External Hemorrhoids): เกิดขึ้นในบริเวณใต้แนวระหว่างไส้ตรงกับทวารหนัก อันเป็นบริเวณที่ผิวหนังนั้นเปลี่ยนไปเป็นเยื่อบุผิว ซึ่งอาจเกิดเป็นชนิดก้อนแข็งของเลือดอย่างเต็มรูปแบบ (Thrombotic hemorrhoids) หรืออาจเป็นชนิดเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (cutaneous hemorrhoids)ก็ได้ กรณีเป็นก้อนแข็งของเลือดเกิดเมื่อมีการฉีกขาดของเส้นเลือดและเกิดเป็นก้อนลิ่มเลือด (Thrombus) ในขณะที่ริดสีดวงชนิดเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน จะประกอบไปด้วยร่างแหของเนื่อเยื่อเกี่ยวพันที่ปกคลุมด้วยผิวหนังของทวารหนัก ริดสีดวงชนิดเนื้อเยื่อนี้สามารถเกิดขึ้นบริเวณใดก็ได้ในเส้นรอบวงของทวารหนัก ที่จริงแล้วอาการมักเกิดจากการเกิดก้อนลิ่มเลือดแข็งตัวก่อนแล้วตามมาด้วยการแทนที่ของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ริดสีดวงภายใน (Internal Hemorrhoids): ริดสีดวงภายในนี้จะเกิดเหนือแนวระหว่างไส้ตรงกับทวารหนัก และมักพบว่าริดสีดวงภายในนี้จะขยายและยื่นออกมาใต้หูรูดของทวารหนัก ริดสีดวงภายในและภายนอก หรือริดสีดวงแบบผสม: ริดสีดวงชนิดนี้เป็นการเกิดชนิดริดสีดวงภายในและภายนอกผสมกัน และทำให้เกิดถุงบวมเกิดขึ้น Ref. Link : http://www.alternateinfo.com/Alternateth/Dcth/Hemorrhoids_th.htm |
![]() | Word Info ID : 8977 Word INFO : เป็นเส้นเลือดดำขอดที่เกิดขึ้นในบริเวณทวารหนัก ซึ่งอาจเป็นพร้อมกันหลายที่ ถ้าเกิดจากเส้นเลือดดำที่อยู่ใต้ผิวหนังตรงปากทวารหนัก เรียกว่า ริดสีดวงภายนอก (External hemorrhoid) อาจมองเห็นจากภายนอกได้ ถ้าเกิดจากเส้นเลือดที่อยู่ลึกเข้าไป เรียกว่า ริดสีดวงภายใน (Internal hemorrhoid) จะตรวจพบเมื่อใช้เครื่องมือส่องทางทวารหนัก สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด มักพบในคนที่มีภาวะกดดันต่อเส้นเลือดดำในบริเวณนี้นาน ๆ เช่น อาการท้องผูกเรื้อรัง (ต้องเบ่งถ่ายนาน ๆ ) ไอเรื้อรัง การตั้งครรภ์ น้ำหนักมาก (อ้วน) ตับแข็ง มีก้อนเนื้องอกในท้อง ต่อมลูกหมากโต มะเร็งของลำไส้ เป็นต้น เมื่อถ่ายอุจจาระจะทำให้ผนังของเส้นเลือดแตก ทำให้มีเลือดไหลได้ โดยทั่วไปจะไม่ค่อยมีอาการรุนแรงหรืออันตราย แต่อาจเป็น ๆ หาย ๆ น่ารำคาญหรือทำให้วิตกกังวล โดยมากมักจะมีอาการเวลาท้องผูกหรือท้องเดินบ่อยครั้ง Ref. Link : http://www.nmd.go.th/deseasefirstaidweb/desease/foodline/Hemorrhoid... |
![]() | Word Info ID : 8980 Word INFO : ริดสีดวงทวาร คือ โรคที่เส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักโป่งพอง ซึ่งอาจเป็นเส้นเลือดที่บริเวณปากทวารหนัก เรียกว่า ริดสีดวงทวารภายนอก ถ้าเป็นเส้นเลือดที่ผนังท่อทวารหนัก จะเรียกว่า ริดสีดวงทวารภายใน Ref. Link : http://www.samunpri.com/modules.php?name=Herbs&file=Health&func=rid... |
![]() | Word Info ID : 8983 Word INFO : โรคริดสีดวงทวารคือภาวะที่เส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักขอด ซึ่งอาจเกิดเป็นพร้อมกันหลายที่หรือที่เดียวก็ได้ค่ะ ถ้าเกิดขึ้น ที่เส้นเลือดดำ บริเวณใต้ผิวหนังตรงปากทวารหนัก เรียกว่าริดสีดวงภายนอก ถ้าเกิดขึ้นที่เส้นเลือดดำที่อยู่ลึกเข้าไปในทวารหนักเรียกว่า ริดสีดวงภายในค่ะ สาเหตุของการเกิดโรคนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัด มักพบในคนที่มีภาวะกดดันต่อเส้นเลือดดำในบริเวณนี้นาน ๆ เช่น อาการท้องผูกเรื้อรังที่ผู้ป่วย ต้องเบ่งถ่ายเป็นเวลานาน ๆ นอกจานี้ยังพบผู้ป่วยที่มีอาการไอเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก ผู้ป่วยโรคตับแข็ง ต่อมลูกหมากโต ผู้ป่วยที่มีก้อนเนื้องอกในท้อง มะเร็งลำใส้ เป็นต้น ผู้ป่วยที่เป็นโรคริดสีดวงทวารเมื่อมีอาการท้องผูกหรือ ท้องเดินขณะถ่ายอุจาระจะทำให้ ผนังของเส้นเลือดแตกทำให้มีเลือดไหลซึ่งการมีเลือดไหลงออกทวารหนักเลือดที่ปนมากับอุจจาระมักจะเป็น เลือดสดส่วนใหญ่จะมักไม่มี อาการรุนแรงหรือเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยมากนัก แต่จะทำให้น่ารำคาญ เรื้อรังจนรำคาญ Ref. Link : http://province.moph.go.th/chiangmai/educate/menu_health.htm#a3 |
![]() | Word Info ID : 9040 Word INFO : ริดสีดวงทวาร เกิดจากการโตขึ้นกลุ่มของ เส้นเลือด และ เนื้อเยื่อ บริเวณส่วนปลายของลำไส้ตรง ที่เรียกว่า hemorrhoidal tissue Ref. Link : http://www.thaiclinic.com/hemorrhoid.html |
![]() | Word Info ID : 9061 Word INFO : ริดสีดวงทวาร หมายถึง การมีกลุ่มของหลอดเลือดดำบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่ และที่ขอบรูทวารหนักโป่งพองและยื่นออกมา Ref. Link : http://www.ra.mahidol.ac.th/nurse/thai/main/know_people01.html |
![]() | Word Info ID : 9062 Word INFO : ชนิดของริดสีดวงทวาร แบ่งเป็น 2 ชนิด 1. ริดสีดวงทวารชนิดเป็นภายใน หมายถึง ริดสีดวงทวารที่เกิดเหนือทวารหนักขึ้นไป ตามปกติจะไม่โผล่ออกมาให้เห็นและคลำไม่ได้ ริดสีดวงชนิดนี้จะถูกคลุมด้วยเยื่อลำไส้ใหญ่ตอนปลายสุดจะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดในขณะที่ยังไม่มีอาการแทรกซ้อน 2. ริดสีดวงทวารชนิดเป็นภายนอก หมายถึง ริดสีดวงที่เกิดขึ้นบริเวณปากรอยย่นของทวารหนัก สามารถมองเห็นและคลำได้ หลอดเลือดที่โป่งพองจะถูกคลุมด้วยผิวหนังจึงอาจเกิดความเจ็บปวดได้เพราะผิวหนังมีปลายประสาทรับความรู้สึก Ref. Link : http://www.ra.mahidol.ac.th/nurse/thai/main/know_people01.html |
![]() | สาเหตุของโรค (13) |
![]() | Word Info ID : 515 Word INFO : หลอดเลือดดำที่ใต้เยื่อเมือกและผิวหนังในบริเวณทวารหนัก มีการปูดพองเป็นหัว เนื่องจากมีภาวะความดันในหลอดเลือดดำสูงจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น การเบ่งถ่ายอุจจาระ, ท้องผูก, การนั่งนาน ๆ, ภาวะตั้งครรภ์, น้ำหนักมาก (อ้วน), การกินอาหารที่มีกากใยน้อย, ไอเรื้อรัง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังอาจพบร่วมกับโรคในช่องท้อง เช่น ตับแข็ง (44) ทำให้มีภาวะความดันในหลอดเลือดดำตับสูง ซึ่งส่งผลกระทบมาที่หลอดเลือดดำที่ทวารหนัก, ก้อนเนื้องอกในท้อง, มะเร็งลำไส้ใหญ่, ต่อมลูกหมากโต เป็นต้น Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 8932 Word INFO : หลอดเลือดดำที่ใต้เยื่อเมือกและผิวหนังในบริเวณทวารหนัก มีการปูดพอง เป็นหัว เนื่องจากมีภาวะความดันในหลอดเลือดดำสูงจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น การเบ่งถ่ายอุจจาระ, ท้องผูก, การนั่งนาน ๆ, ภาวะตั้งครรภ์, น้ำหนักมาก , การกินอาหารที่มีกากใยน้อย, ไอเรื้อรัง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังอาจพบร่วมกับโรคในช่องท้อง เช่น ตับแข็งทำให้มีภาวะความ ดันในหลอดเลือดดำตับสูง ซึ่งส่งผลกระทบมาที่หลอดเลือดดำที่ทวารหนัก, ก้อนเนื้องอกในท้อง, มะเร็งลำไส้ใหญ่, ต่อมลูกหมากโต เป็นต้น เนื่องจากในบริเวณทวารหนักจะมีกลุ่มหลอดเลือดดำอยู่เป็นแนวยาว จากปาก ทวารหนักต่อขึ้นไปในลำไส้ใหญ่ ดังนั่นจึงมีโอกาสเกิดริดสีดวงทวารได้หลาย แห่ง (หลายหัว) Ref. Link : http://www.thailabonline.com/sec51hemor.htm |
![]() | Word Info ID : 8941 Word INFO : เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้นจึงมักจะเป็นริดสีดวงทวาร นอกจากนี้ปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดริดสีดวงได้คือ ท้องผูก (อุจจาระแข็ง) ทำให้ต้องออกแรงเบ่งดันมันมาก และในคนที่ติดนิสัยเบ่งถ่ายแรงๆ นานๆ ก็เกิดได้บ่อย การตั้งท้องทำให้หลอดเลือดดำที่ช่องทวารหนักมันโป่งขึ้น เวลาขับถ่ายจึงถูกดันปลิ้นออกมาได้ง่าย ความอ้วนก็ทำให้เกิดได้ง่าย โดยสาเหตุเดียวกับการตั้งครรภ์ การยกของหนักเป็นประจำเช่น จับกังหรือนักยกน้ำหนักก็มีสิทธิ์เป็นโรคนี้ได้บ่อย บางคนเบ่งจนมันปลิ้นออกมาเป็นยวงโดยรอบ Ref. Link : http://www.elib-online.com/doctors46/med_hemorroids001.htm |
![]() | Word Info ID : 8946 Word INFO : สาเหตุของการเกิดริดสีดวงทวารคือการมีภาวะต่างๆ ที่ทำให้ความดันในหลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักสูงขึ้น เช่น การเบ่งถ่ายอุจจาระเนื่องจากการท้องผูกหรือท้องเสียบ่อยๆ การนั่งถ่ายอุจจาระเป็นเวลานาน การตั้งครรภ์หรืออาจเป็นผลกระทบมาจากโรคอื่นๆ เช่น การเกิดเนื้องอกในท้อง มะเร็งลำไส้ใหญ่ ต่อมลูกหมากโต เป็นต้น Ref. Link : http://www.pharm.su.ac.th/thai/Organizations/DIS/Articles/health001... |
![]() | Word Info ID : 8950 Word INFO : ริดสีดวงทวาร เกิดจากเส้นเลือดดำบริเวณใกล้รูทวารหนักโป่งพอง เนื่องจากมีแรงดันมากผิดปกติอย่างเรื้อรังภายในเส้นเลือดดำนั้น ทำให้ผนังเส้นเลือดถูกยืดจนเสียไป มักพบโรคนี้ในผู้ที่ท้องผูกซึ่งทำให้ต้องเบ่งอุจจาระเป็นประจำ (ทำให้เพิ่มความดันในช่องท้อง) ในหญิงที่มีริดสีดวงทวาร อาการจะเป็นมากขึ้นขณะตั้งครรภ์ Ref. Link : http://www.kmitl.ac.th/health/art37-01.html |
![]() | Word Info ID : 8955 Word INFO : สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด มักพบในคนที่มีภาวะกดดันต่อเส้นเลือดดำในบริเวณนี้นานๆ เช่น คนที่ท้องผูกเป็นประจำและต้องเบ่งถ่ายนานๆ สตรีที่ตั้งครรภ์ เมื่อมดลูกโตขึ้นโดยเฉพาะในระยะท้ายๆ ของการตั้งครรภ์ มดลูกจะกดทับลงบนลำไส้ใหญ่ การออกแรงเบ่งขณะคลอด รวมถึงคนที่มีน้ำหนักมากหรืออ้วน ตับแข็ง มีก้อนเนื้องอกในท้อง ต่อมลูกหมากโต มะเร็งของลำไส้ Ref. Link : http://www.pharm.chula.ac.th/osotsala/otcproject/hem.html |
![]() | Word Info ID : 8959 Word INFO : ไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน แต่มีสาเหตุร่วมหลายประการเป็นสิ่งกระตุ้น หรือเสริมให้เกิดโรคนี้ ได้แก่ >> หลอดเลือดบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่ และรูเปิดทวารหนักมีความผิดปกต >> การยืนหรือนั่งเป็นเวลานาน ๆ ทำให้ความดันในหลอดเลือดที่ทวารหนัก สูงขึ้นมีการคั่งของเลือดมากขึ้น >> การตั้งครรภ์ >> โรคบางโรค เช่น ตับแข็ง จะทำให้เกิดความดันโลหิตสูงในระบบหลอดเลือด ของตับ พบในบุคคลที่ดื่มสุราเป็นประจำ เพราะโรคนี้จะมีการขัดขวาง การไหลกลับของเลือดดำบริเวณทวารหนัก >> ท้องเดินหรือท้องเสียเป็นประจำ ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวมากกว่าปกติ >> มีอากาปวดเบ่งร่วมด้วยทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวารหนัก >> ท้องผูกและเบ่งถ่ายอุจจาระมากๆจนเป็นนิสัย ทำให้เลือดคั่งบริเวณทวารหนัก Ref. Link : http://www.mahidol.ac.th/mahidol/ra/rans/Resources/PublicEdu/hemaro... |
![]() | Word Info ID : 8963 Word INFO : ริดสีดวงทวาร ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ คงเปรียบเทียบได้กับ เส้นเลือดขอด แต่แทนที่จะเกิดที่น่อง แต่มาเกิดบริเวณทวารหนัก เป็นผลมาจากการขยายตัวของเส้นเลือดดำที่เกิดแรงดันเพิ่มขึ้นภายใน เพราะเลือดไหลกลับไม่สะดวก เนื่องจากมีอาการท้องผูกบ่อย อุจจาระที่เป็นก้อนแข็งใช้เวลานานมาก กว่าจะเคลื่อนพ้นทวารหนัก เมื่อเกิดบ่อยครั้งขึ้น เส้นเลือดดำจะขยายตัวทำให้ผนังบางลงจนทำให้ เส้นเลือดดำนั้นๆ แตก มีเลือดไหลหยดลงในโถส้วมได้ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุดในคนไข้ที่เป็นโรคริดสีดวงทวาร บางคนจะมีอาการปวดร่วมด้วย ทำให้กลั้นอุจจาระไม่ให้ผ่านตรงจุดที่เจ็บออกมา มีผลทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำจากอุจจาระที่กลั้นเอาไว้ ยิ่งนานเท่าใด อุจจาระจะยิ่งแข็งมากขึ้นเท่านั้น จะมีผลให้อาการของริดสีดวงทวารกำเริบหนักมากยิ่งขึ้น Ref. Link : http://www.bangkokhealth.com/man_htdoc/man_health_detail.asp?Number... |
![]() | Word Info ID : 8968 Word INFO : 1. กรรมพันธุ์ 2. การตั้งครรภ์ 3. การที่ต้องนั่งหรือยืนนานๆ 4. ป่วยเป็นโรคที่ทำให้เกิดความดันในช่องท้องสูง ตัวอย่าง เช่น โรคตับเรื้อรัง, โรคก้อนเนื้อในช่องท้อง เป็นต้น 5. ท้องผูกหรือท้องเสียเรื้อรัง Ref. Link : http://www.comm.rtaf.mi.th/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%... |
![]() | Word Info ID : 8972 Word INFO : 1. กรรมพันธุ์ 2. การตั้งครรภ์ 3. การที่ต้องนั่งหรือยืนนานๆ 4. ป่วยเป็นโรคที่ทำให้เกิดความดันในช่องท้องสูง ตัวอย่าง เช่น โรคตับเรื้อรัง, โรคก้อนเนื้อในช่องท้อง เป็นต้น 5. ท้องผูกหรือท้องเสียเรื้อรัง Ref. Link : http://www.barascientific.com/webboard/show.php?Category=variety&No=92 |
![]() | Word Info ID : 9041 Word INFO : ริดสีดวง เกิดจากการโตขึ้น ของ เนื้อเยื่อ Hemorrhoid ซึ่งสาเหตุแบ่งง่ายๆ เป็น 2 อย่างคือ 1.เป็นความผิดปกติของหลอดเลือดบริเวณนั้น 2.เกิดจากการเพิ่ม ความดัน ต่อ กำบังลมด้านล่าง(Pelvic Floor) นานๆ ซึ่งการเพิ่มความดัน ดังกล่าว เกิดได้จาก การเบ่งอุจจาระบ่อยๆ จากท้องผูก การยกของหนัก การยืนนานๆ รวมทั้งการตั้งครรภ์ จากการที่มีเด็กอยู่ ทำให้ เลือดไหลกลับไม่สะดวก จากสาเหตุดังกล่าวทำให้ กลุ่มเส้นเลือดดังกล่าว โตและ ยืดออก ซึ่งการที่มีเลือดออกนั้นเกิดจาก การที่มี การบาดเจ็บของเส้นเลือด บริเวณดังกล่าว(Local Injury) ที่เจอบ่อยๆเกิดจาก อุจจาระที่แข็งมากๆ ร่วมกับ การเบ่งนานๆ ทำให้จะมีเลือดสดๆ ไหลออกจากทวารหนัก Ref. Link : http://www.thaiclinic.com/hemorrhoid.html |
![]() | Word Info ID : 9051 Word INFO : ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร พันธุกรรม อาชีพ ซึ่งผู้มีอาชีพที่ต้องยืนนาน ๆ จะมีผลให้ความดันเลือดในหลอดเลือดดำบริเวณปากทวารไหลกลับสู่หลอดเลือดดำในช่องท้องช้าลง โดยทั่วไปหลอดเลือดดำมีลิ้นเพื่อให้เลือดดำไหลกลับได้ทางเดียว แต่เมื่อการไหลของเลือดดำช้าลงประกอบกับมีความดันในช่องท้องสูง จึงเกิดการคั่งของหลอดเลือดดำบริเวณกลุ่มหลอดเลือดปากรูทวารหนัก ส่งผลให้กลุ่มหลอดเลือดดำโป่งพองจนเกิดอาการของโรคริดสีดวงทวาร เกิดจากโรคแทรกซ้อนของโรคอื่น ๆ เช่น โรคตับแข็ง หรือโรคตับอักเสบ ไวรัสบี ซึ่งจะมีอาการท้องมานในระยะสุดท้าย และเมื่อมีน้ำในช่องท้องมาก ๆ จะส่งผลไปกดการไหลเวียนเลือดในช่องท้อง เป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดดำไหลกลับเข้าช่องท้องได้ไม่ดีนัก อาการน่าสงสัยเมื่อเป็นริดสีดวงทวาร Ref. Link : http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=368 |
![]() | Word Info ID : 9063 Word INFO : สาเหตุ ไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน แต่มีสาเหตุร่วมหลายประการเป็นสิ่งกระตุ้น หรือเสริมให้เกิดโรคนี้ ได้แก่ >> หลอดเลือดบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่ และรูเปิดทวารหนักมีความผิดปกต >> การยืนหรือนั่งเป็นเวลานาน ๆ ทำให้ความดันในหลอดเลือดที่ทวารหนักสูงขึ้นมีการคั่งของเลือดมากขึ้น >> การตั้งครรภ์ >> โรคบางโรค เช่น ตับแข็ง จะทำให้เกิดความดันโลหิตสูงในระบบหลอดเลือด ของตับ พบในบุคคลที่ดื่มสุราเป็นประจำ เพราะโรคนี้จะมีการขัดขวางการไหลกลับของเลือดดำบริเวณทวารหนัก >> ท้องเดินหรือท้องเสียเป็นประจำ ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวมากกว่าปกติ >> มีอากาปวดเบ่งร่วมด้วยทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวารหนัก >> ท้องผูกและเบ่งถ่ายอุจจาระมากๆจนเป็นนิสัย ทำให้เลือดคั่งบริเวณทวารหนัก Ref. Link : http://www.ra.mahidol.ac.th/nurse/thai/main/know_people01.html |
![]() | อาการของโรค (19) |
![]() | Word Info ID : 517 Word INFO : ส่วนมากจะมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก เป็นเลือดแดงสด เกิดขึ้นขณะถ่ายอุจจาระ อาจสังเกตมีเลือดเปื้อนกระดาษชำระ หรือปนมากับอุจจาระ หรือมีเลือดไหลออกเป็นหยดโดยไม่รู้สีกเจ็บปวดแต่อย่างไร บางคนอาจรู้สึกเจ็บที่ทวารหนัก และถ่ายอุจจาระลำบาก หรืออาจมีอาการคันก้น ถ้าริดสีดวงอักเสบ หรือหลุดออกมาข้างนอก อาจทำให้รู้สึกปวดรุนแรง จนถึงกับนั่งยืน หรือเดินไม่สะดวก และคลำได้ก้อนเนื้อนุ่ม ๆ สีคล้ำ ๆ ที่ปากทวารหนัก ถ้ามีเลือดออกมากหรือเรื้อรัง อาจมีอาการซีดได้ Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 8933 Word INFO : อาการสำคัญก็คือการถ่ายอุจจาระออกมาเป็นเลือดสดๆทั้งนี้เนื่องจากการเบ่ง ถ่ายแรงๆ หัวริดสีดวงทวาร (กลุ่มหลอดเลือดดำขอด) จะปริแตกออกอาการ ส่วนมากจะมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก เป็นเลือดแดงสด เกิดขึ้นขณะ ถ่ายอุจจาระ อาจสังเกตมีเลือดเปื้อนกระดาษชำระ หรือปนมากับอุจจาระ หรือ มีเลือดไหลออกเป็นหยดโดยไม่รู้สีกเจ็บปวดแต่อย่างไร บางคนอาจรู้สึกเจ็บ ที่ทวารหนัก และถ่ายอุจจาระลำบาก หรืออาจมีอาการคันก้น ถ้าริดสีดวง อักเสบ หรือหลุดออกมาข้างนอก อาจทำให้รู้สึกปวดรุนแรง จนถึงกับนั่งยืน หรือเดินไม่สะดวก และคลำได้ก้อนเนื้อนุ่มๆ สีคล้ำๆ ที่ปากทวารหนัก ถ้ามี เลือดออกมากหรือเรื้อรัง อาจมีอาการซีดได้ ในระยะแรกจะมีเพียงการถ่ายเป็นเลือดโดยที่ไม่มีอาการปวด แต่ในระยะหลังอาจมีอาการปวด มากขึ้นหรือมีก้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งก้อนที่ออกมาแล้วดันกลับเข้าไปไม่ได้จะปวดมาก ถ้ามีเลือดออกนานๆอาจมีอาการของการขาดเลือด โลหิตจาง หน้ามืด เวียนศีรษะ สำหรับริดสีดวงภายนอกมักมาด้วยอาการปวดมากกว่า มักไม่มีเลือดออกถ้าไม่มีริดสีดวง ทวารหนักภายในร่วมด้วย Ref. Link : http://www.thailabonline.com/sec51hemor.htm |
![]() | Word Info ID : 8947 Word INFO : ผู้ที่เป็นริดสีดวงทวาร ส่วนมากจะมีเลือดสดออกทางทวารหนักระหว่างที่ถ่ายอุจจาระ สามารถสังเกตได้จากการมีเลือดเปื้อนกระดาษชำระหรือมีเลือดปนออกมากับอุจจาระหรือมีเลือดไหลออกมาเป็นหยด ทั้งนี้อาจจะมีอาการเจ็บทวารหนักหรือไม่ก็ได้ ถ้าริดสีดวงทวารอักเสบหรือหัวริดสีดวงยื่นออกมาข้างนอก อาจรู้สึกเจ็บรุนแรงจนทำให้ยืน นั่งหรือเดินไม่สะดวกและอาจคลำพบก้อนเนื้อที่เป็นหัวริดสีดวงบริเวณปากทวารหนัก ในรายที่เป็นเรื้อรังหรือมีเลือดออกมาก ผู้ป่วยอาจมีอาการซีดจากการเสียเลือดได้ Ref. Link : http://www.pharm.su.ac.th/thai/Organizations/DIS/Articles/health001... |
![]() | Word Info ID : 8951 Word INFO : ผู้ที่เป็นริดสีดวงทวารอาจมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างร่วมกัน ดังต่อไปนี้ คลำพบก้อนนิ่มๆ ที่บริเวณรูทวารหนัก อาจมีก้อนเดียวหรือหลายก้อน มีเลือดออกขณะถ่ายอุจจาระ มักมีลักษณะเป็นเลือดสีแดงสดหยดลงมาติดๆ กัน หรือ เลือดพุ่งเหมือน ถูกฉีดออกจากรูเข็ม อาการเลือดออกมักหยุดได้เองเมื่อถ่ายอุจจาระเสร็จ ถ้ามีอาการแทรกซ้อน ก้อนริดสีดวงทวารจะบวม แข็ง และปวดมาก Ref. Link : http://www.kmitl.ac.th/health/art37-01.html |
![]() | Word Info ID : 8956 Word INFO : เริ่มแรกจะมีอาการปวดเบ่ง เจ็บเล็กน้อย ส่วนมากจะมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก เป็นเลือดแดงสด เกิดขึ้นขณะถ่ายอุจจาระ มักมีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อน เจ็บปวด มีอักเสบ เกิดความระคายเคืองและรู้สึกไม่สบายบริเวณทวารหนัก ถ้ามีเลือดออกมากหรือเรื้องรัง อาจมีอาการซีดได้ Ref. Link : http://www.pharm.chula.ac.th/osotsala/otcproject/hem.html |
![]() | Word Info ID : 8957 Word INFO : 1. ระวังอย่าให้ท้องผูก ควรดื่มน้ำมากๆ และรับประทานผัก ผลไม้ให้มากๆ 2. หลีกเลี่ยงการเบ่งอุจจาระ หรือนั่งส้วมนานๆ 3. หลีกเลี่ยงการยืนนานๆ หรือยกของหนักเกินไป 4. ควรทำความสะอาดรอบๆ ทวารหนักโดยใช้สำลีชุบน้ำเช็ดเบาๆ และล้างบริเวณทวารหนักด้วยน้ำอุ่นให้สะอาดอยู่เสมอ จากนั้นซับให้แห้ง อย่าถูเพราะอาจทำให้เจ็บมากขึ้น ถ้ามีก้อนริดสีดวงทวารยื่นออกมาหลังจากการถ่ายอุจจาระ เมื่อทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วให้ใช้ขี้ผึ้งหรือน้ำมัน ทานิ้วมือ แล้วใช้นิ้วดันริดสีดวงทวารที่โผล่ออกมานั้นเบาๆ ให้กลับเข้าไปในช่องทวารหนักตามเดิม 5. ควรพบแพทย์เมื่อ - มีมูก หรือเลือดปนกับอุจจาระด้วย - มีอาการคันรุนแรง หรืออาการอื่นๆ ที่รุนแรงจนทำให้ไม่สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันเป็นปกติได้ - รู้สึกว่ามีก้อนหนักๆ ถ่วงในบริเวณทวารหนัก - ใช้ยารักษาโรคริดสีดวงทวารแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 7 วัน - สังเกตว่ามีก้อนยื่นออกมากจากทวารหนัก ซึ่งกดแล้วเจ็บ หรือทำให้เจ็บก่อนหน้า ระหว่าง หรือหลังถ่ายอุจจาระ Ref. Link : http://www.pharm.chula.ac.th/osotsala/otcproject/hem.html |
![]() | Word Info ID : 8960 Word INFO : มีเลือดออกที่ทวารหนัก เลือดที่ออกมาจะมีสีแดงสด อาจเคลือบอุจจาระหรือหยดออกมาหลังการถ่าย >> มีติ่งหรือก้อนเนื้อโผล่บริเวณรูเปิดทวารหนักจะมีเวลาเบ่งถ่ายเท่านั้นถ้าเป็นนานๆ ติ่งหรือก้อนเนื้อ จะไม่หดกลับ อาจจะใช้นิ้วมือค่อยๆดันกลับ ระยะนี้จะมีอาการอื่นๆเพิ่มขึ้น เช่น คัน ระคายเคือง ปวดบวมอักเสบ ปวดแสบปวดร้อน Ref. Link : http://www.mahidol.ac.th/mahidol/ra/rans/Resources/PublicEdu/hemaro... |
![]() | Word Info ID : 8964 Word INFO : อาการเลือดออกมาจากทวารหนักเวลาถ่ายอุจจาระ อาจมีสาเหตุมาจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็ได้ ดังนั้นถ้าท่านมีเลือดออกทางทวารหนัก ท่านควรไปพบแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นริดสีดวงทวาร ซึ่งไม่ไช่โรคอันตรายร้ายแรง Ref. Link : http://www.bangkokhealth.com/man_htdoc/man_health_detail.asp?Number... |
![]() | Word Info ID : 8967 Word INFO : 1. ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด ลักษณะจะเป็นดังนี้คือ จะถ่ายอุจจาระออกมาก่อน ( ระหว่างถ่ายอาจจะเจ็บหรือไม่ก็ได้) จากนั้นจะมีเลือดสด ๆ หยดออกมา ตามหลังจากอุจจาระ เลือดจะเป็นเลือดสดจริง ๆ มักไม่มีมูกเลือดปน 2. มีก้อนออกมาระหว่างถ่ายอุจจาระ ขณะที่เบ่งอุจจาระ จะมีก้อนยื่นออกมา หรือ มีก้อนออกมาตลอดเวลา ขึ้นกับ ระยะที่เป็น 3. เจ็บและคันบริเวณ ทวารหนัก ปกติ ริดสีดวงจะไม่เจ็บ จะเจ็บในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น เส้นเลือดอุดตัน (Thrombosis) หรือ มีเนื้อเยื่อตาย (Necrosis) Ref. Link : http://www.comm.rtaf.mi.th/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%... |
![]() | Word Info ID : 8971 Word INFO : 1.ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด ลักษณะจะเป็นดังนี้คือ จะถ่ายอุจจาระออกมาก่อน ( ระหว่างถ่ายอาจจะเจ็บหรือไม่ก็ได้) จากนั้นจะมีเลือดสดๆ หยดออกมา ตามหลังจากอุจจาระ เลือดจะเป็นเลือดสดจริงๆ มักไม่มีมูกเลือดปน 2.มีก้อนออกมาระหว่างถ่ายอุจจาระ ขณะที่เบ่งอุจจาระ จะมีก้อนยื่นออกมา หรือ มีก้อนออกมาตลอดเวลา ขึ้นกับ ระยะที่เป็น 3.เจ็บและคันบริเวณ ทวารหนัก ปกติ ริดสีดวงจะไม่เจ็บ จะเจ็บในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น เส้นเลือดอุดตัน(Thrombosis) หรือ มีเนื้อเยื่อตาย(Necrosis) Ref. Link : http://www.barascientific.com/webboard/show.php?Category=variety&No=92 |
![]() | Word Info ID : 8975 Word INFO : ริดสีดวงที่ไม่มีการยื่นออกมานอกทวารหนัก: จะมีเลือดออกให้เห็นบ้าง แต่จะไม่มีความเจ็บปวด ริดสีดวงที่ยื่นออกมา: จะมีความเจ็บปวด และมีเลือดออกมาร่วมด้วยได้ ริดสีดวงอักเสบ: เป็นริดสีดวงทวารที่เจ็บปวดอย่างมาก และมักเต็มไปด้วยก้อนแข็งของลิ่มเลือด (Thrombus) Ref. Link : http://www.alternateinfo.com/Alternateth/Dcth/Hemorrhoids_th.htm |
![]() | Word Info ID : 8978 Word INFO : จะมีเลือดออกทางทวารหนักเป็นเลือดแดงสดขณะถ่ายอุจจาระ อาจสังเกตุมีเลือดเปื้อนกระดาษชำระหรือปนมากับอุจจาระ หรือมีเลือดไหลออกเป็นหยด โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างไร บางคนอาจรู้สึกเจ็บที่ทวารหนัก และถ่ายอุจจาระลำบาก หรือมีอาการคันก้น ถ้าริดสีดวงอักเสบหรือหลุดออกมาข้างนอกอาจทำให้รู้สึกปวดรุนแรง จนถึงกับนั่ง ยืน หรือเดินไม่สะดวก และคลำได้ก้อนเนื้อนุ่ม ๆ สีคล้ำ ๆ ที่ปากทวารหนัก ถ้ามีเลือดออกมากหรือเรื้อรัง อาจมีอาการซีดได้ Ref. Link : http://www.nmd.go.th/deseasefirstaidweb/desease/foodline/Hemorrhoid... |
![]() | Word Info ID : 8981 Word INFO : อาการของริดสีดวงทวารระยะแรก อาจมีเพียงการถ่ายอุจจาระลำบาก คันก้น รู้สึกเจ็บเวลาถ่าย บางครั้งมีเลือดออกเวลาถ่ายหรือหลังการถ่ายอุจจาระ มีลักษณะเป็นเลือกสีแดงสดๆ ถ้าไม่ปรับปรุงพฤติกรรมหรือไม่ได้รับการรักษา อาการจะเด่นชัดขึ้น คือ มีหัวริดสีดวงโผล่ออกมาที่ปากทวารหนักเป็นก้อนเนื้อนุ่มๆอักเสบ เจ็บปวดมากจนนั่งเก้าอี้หรือพื้นแข็งไม่ได้ มักพบในคนที่มีภาวะความกดดันของเส้นเลือดบริเวณทวารหนักนานๆ เช่น มีอาการท้องผูกบ่อยๆ ไอเรื้อรัง อ้วน นั่งทำงานนานๆ เป็นต้น Ref. Link : http://www.samunpri.com/modules.php?name=Herbs&file=Health&func=rid... |
![]() | Word Info ID : 8984 Word INFO : อาการของโรคริสีดวงทวารนั้น จะต้องมีเลือดสีแดงสดออกมาขณะถ่ายอุจาระโยไม่รู้สึกเจ็บปวด หรือป่วยแต่อย่างใด บางคนอาจ รู้สักเจ็บที่ ทวารหนัก และหากเกิดริดสีดวงอักเสบ หรือหลุดออกมาข้างนอก ผู้ป่วยอาจจะรู้สึกปวดรุนแรงจนถึงกับนั่งยืน หรือเดินไม่สะดวก และคลำได้ ก้อนนุ่ม ๆ สีคล้ำ ๆ ที่ปากทวารหนัก ซึ่งโรคนี้ไม่เป็นอันตรายร้ายแรงแก่ผู้ป่วย แต่อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจางจากการ ขาดธาตุเหล็ก เนื่องจากผู้ป่วยเสียเลือดขณะขับถ่ายนั้นเอง Ref. Link : http://province.moph.go.th/chiangmai/educate/menu_health.htm#a3 |
![]() | Word Info ID : 9043 Word INFO : ริดสีดวงภายใน คือริดสีดวง ที่อยู่เหนือ เส้นสมมุติที่เรียกว่า dentate line(บริเวณแถวๆ รอยที่หยักๆครับ)จะมีลักษณะที่สังเกตง่ายๆ คือ -จะคลุมด้วยเยื่อบุของทวารหนัก ไม่ใช่ผิวหนัง ด้านนอก -จะไม่เจ็บ ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อน -ส่วนใหญ่มักเป็นอันนี้กัน ริดสีดวงภายใน แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ 1.ไม่มีก้อนยื่นออกมานอกทวารหนัก 2.มีก้อนยื่นออกมาขณะเบ่งอุจจาระ และหดกลับเข้าไปได้เอง 3.มีก้อนยื่นออกมาขณะเบ่งอุจจาระ แต่ไม่หดกลับเข้าไปต้องใช้มือช่วยดันเข้าไป 4.มีก้อนยื่นออกมาและไม่สามารถใช้มือดันเข้าไปได้ Ref. Link : http://www.thaiclinic.com/hemorrhoid.html |
![]() | Word Info ID : 9045 Word INFO : ริดสีดวงภายนอก คือริดสีดวงที่อยู่ใต้เส้น Dentate line สังเกตง่ายๆคือ -จะเป็นก้อนทีอยู่ข้างนอก -ส่วนที่คลุมก้อน จะเป็นผิวหนัง มักมีอาการคัน และ เจ็บมากกว่า ริดสีดวงภายใน -หลังจากอาการหายไป บางครั้ง ติ่งผิวหนังนั้นอาจยังอยู่ กลายเป็นติ่งเนื้อที่เรียกว่า Skin Tag Ref. Link : http://www.thaiclinic.com/hemorrhoid.html |
![]() | Word Info ID : 9047 Word INFO : อาการของโรคนี้ที่มีพบแพทย์ มี 3 อาการ 1.ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด ลักษณะจะเป็นดังนี้คือ จะถ่ายอุจจาระออกมาก่อน ( ระหว่างถ่ายอาจจะเจ็บหรือไม่ก็ได้) จากนั้นจะมีเลือดสดๆ หยดออกมา ตามหลังจากอุจจาระ เลือดจะเป็นเลือดสดจริงๆ มักไม่มีมูกเลือดปน 2.มีก้อนออกมาระหว่างถ่ายอุจจาระ ขณะที่เบ่งอุจจาระ จะมีก้อนยื่นออกมา หรือ มีก้อนออกมาตลอดเวลา ขึ้นกับ ระยะที่เป็น 3.เจ็บบริเวณ ทวารหนัก ปกติ ริดสีดวงจะไม่เจ็บ จะเจ็บในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น เส้นเลือดอุดตัน(Thrombosis) หรือ มีเนื้อเยื่อตาย(Necrosis) Ref. Link : http://www.thaiclinic.com/hemorrhoid.html |
![]() | Word Info ID : 9052 Word INFO : อาการแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ระยะที่ 1 พบก้อนข้างในรูทวารหนัก สามารถรักษาได้โดยการดื่มน้ำมาก ๆ รับประทานผักสด ผลไม้สดเป็นประจำ หมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ และบางครั้งอาจใช้ยาเหน็บหรือยาถ่ายอุจจาระเป็นครั้งคราว ระยะที่ 2 คลำพบก้อนที่รูทวารหนักเป็นบางครั้งและจะกลับเข้าไปด้านในได้เอง ระยะที่ 3 พบก้อนโผล่พ้นรูทวารหนักออกมา และสามารถใช้นิ้วดันกลับเข้าไปได้เพราะก้อนยังไม่แข็ง ระยะที่ 4 พบก้อนยื่นออกมา และใช้นิ้วดันกลับเข้าไปไม่ได้ เพราะนอกจากกลุ่มหลอดเลือดดำที่โผล่ออกมาดันพังผืดจนโป่งพองและบางแล้ว ยังถูกกล้ามเนื้อหูรูดปากทวารหนักรัดเอาไว้จนเลือดไหลเวียนไม่ได้ ทำให้เกิดการแข็งตัวเป็นลิ่มเลือดขังอยู่ข้างใน ส่งผลให้เจ็บปวดอย่างรุนแรง ซึ่งแพทย์จะวินิจฉัยให้ทำการผ่าตัด Ref. Link : http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=368 |
![]() | Word Info ID : 9064 Word INFO : อาการของริดสีดวงทวารหนัก >> มีเลือดออกที่ทวารหนัก เลือดที่ออกมาจะมีสีแดงสด อาจเคลือบอุจจาระหรือหยดออกมาหลังการถ่าย >> มีติ่งหรือก้อนเนื้อโผล่บริเวณรูเปิดทวารหนักจะมีเวลาเบ่งถ่ายเท่านั้นถ้าเป็นนานๆ ติ่งหรือก้อนเนื้อจะไม่หดกลับ อาจจะใช้นิ้วมือค่อยๆดันกลับ ระยะนี้จะมีอาการอื่นๆเพิ่มขึ้น เช่น คัน ระคายเคือง ปวดบวมอักเสบ ปวดแสบปวดร้อน Ref. Link : http://www.ra.mahidol.ac.th/nurse/thai/main/know_people01.html |
![]() | สิ่งที่ตรวจพบ (2) |
![]() | Word Info ID : 520 Word INFO : อาจคลำได้ก้อนเนื้อนุ่ม ๆ สีคล้ำ ๆ ที่ปากทวารหนัก Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 8934 Word INFO : อาจคลำได้ก้อนเนื้อนุ่ม ๆ สีคล้ำ ๆ ที่ปากทวารหนัก จากอาการของโรคและการตรวจร่างกายโดยการใช้นิ้วสอดเข้าไปในรูทวารหนัก และการส่องกล้อง นอกจากนี้ถ้ามีอาการมากกว่า 1 สัปดาห์แพทย์จะทำการตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วย โดยเฉพาะ อย่างยิ่งผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป Ref. Link : http://www.thailabonline.com/sec51hemor.htm |
![]() | โรคแทรกซ้อน (3) |
![]() | Word Info ID : 522 Word INFO : อาจทำให้มีภาวะโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็ก (100) Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 8935 Word INFO : อาจทำให้มีภาวะโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็ก Ref. Link : http://www.thailabonline.com/sec51hemor.htm |
![]() | Word Info ID : 8942 Word INFO : ถ้าเป็นริดสีดวงภายในที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ตกเลือดมาก ก็อาจจะใช้ยางรัดให้มันขาดเลือดตายแล้วหลุดออกมา หรืออาจจะใช้การฉีดยาทำให้เกิดปฏิกิริยาฝ่อ ดึงรั้งไม่ให้มันเลื่อนลงมา หรือถ้ามันเป็นมากถึงขนาดออกมาแล้วต้องดันมันเข้าทุกครั้ง หรือดันไม่เข้าหรือเป็นระดับบานทะโรคก็จำเป็นต้องผ่าตัดรักษา Ref. Link : http://www.elib-online.com/doctors46/med_hemorroids001.htm |
![]() | วิธีการรักษา (11) |
![]() | Word Info ID : 523 Word INFO : 1. ระวังอย่าให้ท้องผูก ควรดื่มน้ำมาก ๆ และกินผักผลไม้มาก ๆ ถ้ายังท้องผูก ให้กินยาระบาย เช่น ยาระบายแมกนีเซีย (ย16.4), ดีเกลือ (ย16.4), อีแอลพี (ย16.5) หรือสารเพิ่มกากใย (ย16.6) อย่ายืนนาน ๆ หรือนั่งเบ่งถ่ายนาน ๆ 2. ถ้าปวดมากเนื่องจากมีการอักเสบ ให้กินยาแก้ปวด (ย1), นั่งแช่ในน้ำอุ่นจัด ๆ วันละ 2-3 ครั้ง ๆ ละ 15-30 นาที และใช้ยาเหน็บริดสีดวงทวาร เช่น อะนูซอล (Anusal), เชอริพร็อกต์ (Scheriproct), พร็อกโตซีดิล (Proctosedyl) เหน็บวันละ 2-3 ครั้ง (เช้า ก่อนนอน และหลังถ่ายอุจจาระ) จนอาการบรรเทา ปกติใช้เวลาประมาณ 10 วัน 3. ถ้าซีดให้ เฟอร์รัสซัลเฟต (ย24.11) วันละ 3 ครั้ง ๆ ละ 1 เม็ด 4. ถ้าหัวริดสีดวงหลุดออกข้างนอก ให้ใส่ถุงมือใช้ปลายนิ้วชุบสบู่ให้หล่อลื่น แล้วดันหัวกลับเข้าไป ถ้าไม่ได้ผล ควรแนะนำไปโรงพยาบาล 5. ถ้ามีเลือดออกนานกว่า 1 สัปดาห์ หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย หรือสงสัยมีโรคอื่นร่วมด้วย หรือพบในคนอายุมากกว่า 40 ปี ควรแนะนำไปโรงพยาบาล อาจต้องใช้เครื่องส่องตรวจทวารหนัก (proctoscope) ถ้าหากสงสัยเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ อาจต้องเอกซเรย์ลำไส้ใหญ่ด้วยการสวนแป้งแบเรียม (Barium enema) หรือใช้เครื่องส่องตรวจลำไส้ใหญ่ ถ้าเป็นริดสีดวงทวาร โดยไม่มีสาเหตุที่ร้ายแรง ก็มักจะให้การรักษาดังได้กล่าวข้างต้น ถ้าเป็นมากอาจรักษาด้วยการฉีดยาเข้าที่หัวริดสีดวงให้ฝ่อไป วิธีนี้สะดวก ปลอดภัย ไม่มีความเจ็บปวด มักจะฉีดสัปดาห์ละครั้ง ประมาณ 3-5 ครั้ง ช่วยให้หายขาดได้ 60% ส่วนอีก 40% อาจกำเริบได้ใหม่ หรืออาจรักษาโดยวิธีใช้ยางรัด (rubber band ligation) ทำให้หัวริดสีดวงฝ่อ หรือใช้แสงเลเซอร์รักษา (laser photocoagulation) ถ้าเป็นมาก หรือมีภาวะแทรกซ้อน อาจต้องผ่าตัด Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 8936 Word INFO : 1. ระวังอย่าให้ท้องผูก ควรดื่มน้ำมาก ๆ และกินผักผลไม้มาก ๆ ถ้ายังท้องผูก ให้กินยาระบาย เช่น ยาระบายแมกนีเซีย , ดีเกลือ , อีแอลพี หรือสารเพิ่มกากใย อย่ายืนนาน ๆ หรือนั่งเบ่งถ่ายนาน ๆ 2. ถ้าปวดมากเนื่องจากมีการอักเสบ ให้กินยาแก้ปวด , นั่งแช่ในน้ำอุ่นจัด ๆ วันละ 2-3 ครั้ง ๆ ละ 15-30 นาที และใช้ยาเหน็บริดสีดวงทวาร เช่น อะนูซอล(Anusal), เชอริพร็อกต์ (Scheriproct), พร็อกโตซีดิล (Proctosedyl) เหน็บวันละ 2-3 ครั้ง (เช้า ก่อนนอน และหลังถ่ายอุจจาระ) จนอาการบรรเทา ปกติใช้เวลาประมาณ 10 วัน 3. ถ้าซีดให้ เฟอร์รัสซัลเฟต วันละ 3 ครั้ง ๆ ละ 1 เม็ด 4. ถ้าหัวริดสีดวงหลุดออกข้างนอก ให้ใส่ถุงมือใช้ปลายนิ้วชุบสบู่ให้หล่อลื่น แล้วดันหัวกลับเข้าไป ถ้าไม่ได้ผล ควรแนะนำไปโรงพยาบาล 5. ถ้ามีเลือดออกนานกว่า 1 สัปดาห์ หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย หรือสงสัยมีโรคอื่นร่วมด้วย หรือพบใน คนอายุมากกว่า 40 ปี ควรแนะนำไปโรงพยาบาล อาจต้องใช้เครื่องส่องตรวจทวารหนัก (proctoscope) ถ้าหากสงสัยเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ อาจต้องเอกซเรย์ลำไส้ใหญ่ด้วยการสวน แป้งแบเรียม (Barium enema) หรือใช้เครื่องส่องตรวจลำไส้ใหญ่ถ้าเป็นริดสีดวงทวารโดย ไม่มีสาเหตุที่ร้ายแรง ก็มักจะให้การรักษาดังได้กล่าวข้างต้น ถ้าเป็นมากอาจรักษาด้วย - การฉีดยาเข้าที่หัวริดสีดวงให้ฝ่อไป วิธีนี้สะดวก ปลอดภัย ไม่มีความเจ็บปวด มักจะฉีดสัปดาห์ละครั้ง ประมาณ 3-5 ครั้ง ช่วยให้หายขาดได้ 60% ส่วนอีก 40% อาจกำเริบได้ใหม่ หรือ - อาจรักษาโดยวิธีใช้ยางรัด (rubber bandligation) ทำให้หัวริดสีดวงฝ่อ หรือใช้ แสงเลเซอร์รักษา (laser photocoagulation) ถ้าเป็นมาก - หรือมีภาวะแทรกซ้อน อาจต้องผ่าตัด การปฏิบัติตนหลังได้รับการผ่าตัด Ref. Link : http://www.thailabonline.com/sec51hemor.htm |
![]() | Word Info ID : 8943 Word INFO : การรักษาริดสีดวงทวารมีหลายวิธีแล้วแต่ว่าโรคจะเป็นมากน้อย ถ้าเป็นน้อยๆ ก็เพียงแต่รู้จักป้องกันการท้องผูก ด้วยการกินอาหารที่มีกากให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้เพียงพอ หรือกินยาระบายช่วย สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือปฏิบัติต่อมันให้ถูก เวลามันออกมาต้องทำให้มันเปียกแล้วดันมันเข้าที่ อย่าปล่อยให้มันออกมากินลมชมวิว อีกประการหนึ่งหลังถ่ายอุจจาระ ควรทำความสะอาดทวารด้วยน้ำ เช่น ฉีดน้ำล้างแล้วอย่าเช็ดก้นแต่ให้ซับให้แห้งด้วยกระดาษชำระ เพราะว่าการเช็ดจะทำให้เกิดแผลถลอกเล็กๆ ตื้นๆ ของเนื้อเยื่อแถวทวารหนักซึ่งเป็นหนทางเข้าของเชื้อโรค ซึ่งมีอยู่มากมายมหาศาลในอุจจาระ เมื่อเชื้อโรคเข้าแผลจะทำให้เกิดการอักเสบ การอักเสบน้อยๆ ทำให้เกิดอาการคัน ถ้าอักเสบมากจะเจ็บบวมแดงมีน้ำเหลืองซึมออกมา Ref. Link : http://www.elib-online.com/doctors46/med_hemorroids001.htm |
![]() | Word Info ID : 8948 Word INFO : การรักษาผู้ที่เป็นโรคริดสีดวงทวาร ในกรณีที่เป็นไม่มากสามารถรักษาด้วยยา โดยการใช้ยาทาหรือเหน็บทวารหนักจะใช้เพื่อรักษาแผลที่กำลังเป็นอยู่ เช่น พร็อคโตซีดิล (Proctosedyl?) อะนูซอล (Anusal?) เชอริพร็อกต์ (Scheriproct?) ประมาณ 10 วัน ร่วมกับการรับประทานยาที่ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรงขึ้น เช่น ดาฟลอน (Daflon?) เอสซาเวน (Essaven?) ซิดูออล (Siduol?) ถ้าผู้ป่วยมีอาการซีดเนื่องจากเสียเลือดมากจะต้องรับประทานธาตุเหล็กเสริม ผู้ป่วยบางรายที่หัวริดสีดวงทวารยื่นออกมาข้างนอกหลังการถ่ายอุจจาระให้ใช้ขี้ผึ้งหรือน้ำมันทานิ้วมือแล้วดันกลับเข้าไป สำหรับกรณีผู้ป่วยที่เป็นมากจะรักษาด้วยการผ่าตัดหรือใช้แสงเลเซอร์ Ref. Link : http://www.pharm.su.ac.th/thai/Organizations/DIS/Articles/health001... |
![]() | Word Info ID : 8952 Word INFO : ทำได้หลายวิธี เช่น การใช้ห่วงยางรัดที่ขั้วของก้อนริดสีดวงทวาร การฉีดสารเคมี การตัดออก ซึ่งแพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสม Ref. Link : http://www.kmitl.ac.th/health/art37-01.html |
![]() | Word Info ID : 8961 Word INFO : การใช้ยา ส่วนใหญ่เป็นพวกยาเหน็บ สอดใส่เข้าไปทางทวารหนัก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกครีม หรือขี้ผึ้ง ลดการอักเสบ ลดการปวดระคายเคือง >> การนั่งแช่ในน้ำอุ่นจะช่วยลดความเจ็บปวดบริเวณทวารหนัก และช่วยให้การไหลเวียนของเลือดสะดวกขึ้น >> การยิงยางรัดหัวริดสีดวงทวารหนัก >> การจี้โดยใช้ความร้อนจากไฟฟ้าหรือเลเซอร์และความเย็น ทำให้เลือดภายใน หัวริดสีดวงทวารหนักที่โป่งพองเกิดการแข็งตัวทำให้หัวริดสีดวงหายไป >> การผ่าตัด ทำในรายที่มีการตกเลือดมากและเป็นบ่อยครั้งหรือมีหัวริดสีดวงทวาร โผล่ออกมามากและไม่กลับคืน Ref. Link : http://www.mahidol.ac.th/mahidol/ra/rans/Resources/PublicEdu/hemaro... |
![]() | Word Info ID : 8965 Word INFO : การรักษาส่วนใหญ่ถ้าเป็นไม่มาก แพทย์จะแนะนำให้ทานผักผลไม้ และดื่มน้ำมากๆ ตลอดจนการปรับเปลี่ยนนิสัยในการถ่ายอุจจาระ เพื่อให้ท้องไม่ผูก บางครั้งอาจให้ยาที่ทำให้อุจจาระนุ่ม หรือยาระบายอ่อนๆ ในกรณีที่มีอาการเจ็บร่วมด้วย อาจรักษาโดยใช้ยาเหน็บทวารหนักที่มียาชาและลดการอักเสบ ในกรณีที่เป็นมากๆ ริดสีดวงทวาร อาจทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง เพราะมีการอุดตันของเส้นเลือด ซึ่งในบางครั้งอาจต้องใช้การรักษาด้วยการฉีดยาหรือใช้การผ่าตัด ขึ้นอยู่ในวิจารณญาณของแพทย์ผู้รักษา Ref. Link : http://www.bangkokhealth.com/man_htdoc/man_health_detail.asp?Number... |
![]() | Word Info ID : 8979 Word INFO : ระวังอย่าให้ท้องผูก ควรดื่มน้ำและกินผัก ผลไม้ให้มาก ๆ ถ้ายังท้องผูกให้ปรึกษาแพทย์ ถ้าปวดมากให้กินยาแก้ปวด และให้ปรึกษาแพทย์ Ref. Link : http://www.nmd.go.th/deseasefirstaidweb/desease/foodline/Hemorrhoid... |
![]() | Word Info ID : 9049 Word INFO : การรักษาโรคริดสีดวงทวาร ขึ้นกับระยะที่เป็น ระยะ1 การรักษาใน ระยะนี้ ไม่ว่าจะเลือดออกหรือไม่ จะเน้นการใช้ยาและการปฏิบัติตัว การใช้ยา จะเป็นพวก ยาที่ทำให้อุจจาระนุ่ม(Stool Softener) อาจใช้ยาประเภท Steroid เหน็บทวารเพื่อลดการอักเสบ การปฏิบัติตัว คือ ทานอาหารมีกากมากๆ ทานน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงการเบ่ง หรือนั่งนานๆ มีบางแห่ง อาจใช้ Infrared ช่วย แต่ไม่จำเป็นครับ ระยะ2-3 ต้นๆ การรักษาด้วยยา รวมทั้ง การปฏิบัติตัวเหมือนเดิม อาจใช้ยางชนิดพิเศษ รัดริดสีดวงทวาร ( Rubber Band Ligation) ซึ่งได้ผลดีมาก ไม่เจ็บ ไม่ต้องผ่าตัด ทำได้บ่อยๆ ภาวะแทรกซ้อนต่ำ ระยะ 3ที่ใหญ่ๆ -4 ต้องผ่าตัดครับ Ref. Link : http://www.thaiclinic.com/hemorrhoid.html |
![]() | Word Info ID : 9065 Word INFO : การรักษา >> การใช้ยา ส่วนใหญ่เป็นพวกยาเหน็บ สอดใส่เข้าไปทางทวารหนัก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกครีมหรือขี้ผึ้ง ลดการอักเสบ ลดการปวดระคายเคือง >> การนั่งแช่ในน้ำอุ่นจะช่วยลดความเจ็บปวดบริเวณทวารหนัก และช่วยให้การไหลเวียนของเลือดสะดวกขึ้น >> การยิงยางรัดหัวริดสีดวงทวารหนัก >> การจี้โดยใช้ความร้อนจากไฟฟ้าหรือเลเซอร์และความเย็น ทำให้เลือดภายใน หัวริดสีดวงทวารหนักที่โป่งพองเกิดการแข็งตัวทำให้หัวริดสีดวงหายไป >> การผ่าตัด ทำในรายที่มีการตกเลือดมากและเป็นบ่อยครั้งหรือมีหัวริดสีดวงทวารโผล่ออกมามากและไม่กลับคืน Ref. Link : http://www.ra.mahidol.ac.th/nurse/thai/main/know_people01.html |
![]() | Word Info ID : 9066 Word INFO : การผ่าตัดริดสีดวงทวาร >> ผู้ป่วยที่มารับการรักษาโดยการผ่าตัดจะอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 2-3 วัน ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อน การเตรียมเพื่อการผ่าตัด >> เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดโดยการโกนขนบริเวณหน้าท้องส่วนล่าง บริเวณหัวเหน่าและรอบรูทวารหนักและสวนล้างลำไส้เพื่อความสะอาดในคืนก่อนวันผ่าตัด >> ผู้ป่วยควรอาบน้ำ สระผม ตัดเล็บให้สั้นในคืนก่อนวันผ่าตัด >> งดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืนในคืนก่อนวันผ่าตัด >> ควรพักผ่อนให้เต็มที่ในคืนก่อนวันผ่าตัด อาจจะได้รับยาเพื่อช่วยคลายความวิตกกังวลและได้พักผ่อน >> ขณะทำการผ่าตัดผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเพราะแพทย์จะใช้ยาระงับความรู้สึกช่วงท่อนล่างของร่างกาย โดยการฉีดยาชาเข้าช่องไขสันหลัง การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด >> หลังผ่าตัดใหม่ๆจะรู้สึกชาที่ขา ก้นและสะโพกเนื่องจากฤทธิ์ยาชายังตกค้างอยู่ >> ท่านอนหลังผ่าตัด ควรนอนในท่าตะแคงข้างใดข้างหนึ่งเพื่อลดการกดทับและบรรเทาอาการปวดแผลในรายที่ฉีดยาชาเข้าช่องไขสันหลังควรนอนราบอย่างน้อย 12 ชั่วโมง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากยาชาเฉพาะที่ >> สามารถเริ่มรับประทานอาหารได้ตามปกติ >> การนั่งแช่ก้นในน้ำอุ่น จะเริ่มในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังการผ่าตัด โดยใช้น้ำอุ่นใส่ในอ่างที่มีขนาดของปากอ่างพอดีกับก้นเพื่อป้องกันไม่ให้แผลผ่าตัดกดทับกับก้นอ่างและแผลได้สัมผัสกับน้ำได้เต็มที่ >> หากมีอาการปวดหลังผ่าตัด ควรแจ้งให้พยาบาลทราบเพื่อจะได้รับยาระงับปวดตามแผนการรักษา Ref. Link : http://www.ra.mahidol.ac.th/nurse/thai/main/know_people01.html |
![]() | คำแนะนำ (6) |
![]() | Word Info ID : 8937 Word INFO : 1. ริดสีดวงทวาร โดยตัวมันเอง ไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง (มีเพียงส่วนน้อยที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด) แต่อาจเป็นเรื้อรังได้ ถึงแม้เคยผ่าตัดรักษามาแล้ว ก็อาจเกิดริดสีดวงหัวใหม่ ทำให้มีเลือดออก ได้อีก ผู้ที่เป็นโรคนี้ ควรระวังอย่าให้ท้องผูก หรือท้องเดินบ่อย ๆ 2. มะเร็งของลำไส้ใหญ่ ก็อาจทำให้มีอาการของริดสีดวงทวารได้ ดังนั้น ถ้าพบว่ามีเลือดออก นานกว่า 1 สัปดาห์ หรือพบได้คนอายุมากกว่า 40 ปี ควรแนะนำไปตรวจที่โรงพยาบาลให้แน่ใจ 3. อาการถ่ายอุจจาระะเป็นเลือด อาจมีสาเหตุได้หลายอย่าง Ref. Link : http://www.thailabonline.com/sec51hemor.htm |
![]() | Word Info ID : 8944 Word INFO : บางคนเป็นริดสีดวงแล้วกลัวการผ่าตัดมาก เป็นตายอย่างไรก็ขอไปตายเอาดายหน้า อย่างเช่นคนไทยคนหนึ่งทำมาหากินอยู่เมืองศิวิไลซ์ไร้เทียมทานทางการแพทย์คือสหรัฐอเมริกา เกิดเป็นริดสีดวงทวาร เป็นมากจนหมอเขาแนะนำให้ผ่าตัด พี่แกไม่ยอม ทนบินข้ามน้ำข้ามทะเลกลับมาไทยแลนด์แล้วไปให้หมอแผนไทยซึ่งทำการรักษาแบบมีภูมิปัญญาชาวบ้าน เอาสมุนไพรซึ่งไม่รู้ว่ามีตัวยาอะไรบ้างพอกเข้าไปที่ก้น หลังจากรักษาอยู่พักหนึ่งก้นอักเสบรุนแรงมาก เนื่องจากริดสีดวงซึ่งเป็นเนื้อเยื่ออ่อนถูกสมุนไพรกัดทำให้เกิดทุกข์เวทนามากมาย ตอนหลังคนไข้ก็ต้องไปพึ่งหมอหลวงอยู่ดี อีกรายหนึ่งเป็นนายตำรวจใหญ่ ไปหาหมอแผนไทย ใช้สมุนไพรพอกเหมือนกัน เป็นผลให้เกิดการอักเสบจนช่องทวารหนักตีบตันทรมานมาก Ref. Link : http://www.elib-online.com/doctors46/med_hemorroids001.htm |
![]() | Word Info ID : 8962 Word INFO : 1. ไม่ให้ท้องผูก >> ฝึกการขับถ่ายให้เป็นเวลา >> ไม่กลั้นอุจจาระ เมื่อปวดถ่ายควรถ่ายทันที >> รับประทานผักผลไม้สม่ำเสมอ >> การนั่งส้วมแบบยองๆจะช่วยให้ถ่ายสะดวกมากยิ่งขึ้น >> ออกกำลังกายสม่ำเสมอ >> ทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส ไม่เครียด >> ไม่ดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม 2. ไม่ให้ท้องเสีย >> รับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ งดอาหารรสจัดและ อาหารหมักดอง >> ไม่ใช้ยาระบายหรือยาถ่ายโดยแพทย์ไม่ได้สั่ง 3. หลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนนานเกินไป ควรเปลี่ยนอริยบทบ่อยๆ เพื่อให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น 4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือด Ref. Link : http://www.mahidol.ac.th/mahidol/ra/rans/Resources/PublicEdu/hemaro... |
![]() | Word Info ID : 8969 Word INFO : 1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผักและผลไม้ 2. ฝึกหัดการขับถ่ายให้เป็นเวลาหลีกเลี่ยงอย่าให้ท้องผูกหรือท้องเดินบ่อย ๆ 3. ดื่มน้ำให้มากพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว Ref. Link : http://www.comm.rtaf.mi.th/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%... |
![]() | Word Info ID : 8973 Word INFO : 1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผักและผลไม้ 2. ฝึกหัดการขับถ่ายให้เป็นเวลาหลีกเลี่ยงอย่าให้ท้องผูกหรือท้องเดินบ่อยๆ 3. ดื่มน้ำให้มากพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว Ref. Link : http://www.barascientific.com/webboard/show.php?Category=variety&No=92 |
![]() | Word Info ID : 8976 Word INFO : เพิ่มการบริโภคอาหารที่มีกากใยสูง (ผักและผลไม้ ไฟเลียม กลูโคแมนแนน และอื่นๆ) การออกกำลังกายก็น่าจะมีประโยชน์ทีเดียว หลีกเหลี่ยงการใช้กระดาษชำระที่แข็งกระดางที่มากเกินควร บางสภาวะที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับริดสีดวงทวาร ได้แก่: การติดเชื้อยีสต์ (เชื้อยีสต์แคนดิด้า อัลบิแคน) การมีพญาธิ และการแพ้อาหาร Ref. Link : http://www.alternateinfo.com/Alternateth/Dcth/Hemorrhoids_th.htm |
![]() | การป้องกัน (9) |
![]() | Word Info ID : 524 Word INFO : 1. ริดสีดวงทวาร โดยตัวมันเอง ไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง (มีเพียงส่วนน้อยที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด) แต่อาจเป็นเรื้อรังได้ ถึงแม้เคยผ่าตัดรักษามาแล้ว ก็อาจเกิดริดสีดวงหัวใหม่ ทำให้มีเลือดออกได้อีก ผู้ที่เป็นโรคนี้ ควรระวังอย่าให้ท้องผูก หรือท้องเดินบ่อย ๆ 2. มะเร็งของลำไส้ใหญ่ ก็อาจทำให้มีอาการของริดสีดวงทวารได้ ดังนั้น ถ้าพบว่ามีเลือดออกนานกว่า 1 สัปดาห์ หรือพบได้คนอายุมากกว่า 40 ปี ควรแนะนำไปตรวจที่โรงพยาบาลให้แน่ใจ 3. อาการถ่ายอุจจาระะเป็นเลือด อาจมีสาเหตุได้หลายอย่าง ขอให้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน "แผนภูมิที่ 50 ถ่ายเป็นเลือด" Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 8938 Word INFO : การรักษาที่ดีที่สุดคือการป้องกัน หลังจากการรักษาไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ ริดสีดวงทวารสามารถกลับเป็นใหม่ได้ ขึ้นอยู่กับอายุและการรักษาสุขภาพของร่างกายโดยเฉพาะการขับถ่าย เนื่องจากรอบทวารหนักมีกลุ่มเส้นเลือด อยู่ตลอดเวลาใช้ประโยชน์ช่วยในการกลั้นอุจจาระ ริดสีดวงทวารจะเป็นมากขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องป้องกันก่อนที่จะมีอาการออกมา โดยยึดหลักการดูแลสุขภาพทั่วไปดังนี้ 1.ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว 2.รับประทานอาการที่มีกากใยพอสมควรได้แก่ผักผลไม้เช่น กล้วย ส้ม สัปปะรด เป็นต้น จะทำให้อุจจาระเป็นก้อนแต่นิ่ม ช่วยในการขยายตัวและนวดทวารหนักได้เป็นอย่างดี และไม่ทำให้เกิด การครูดทวารหนักจนเกิดบาดแผล 3.ฝึกการขับถ่ายให้เป็นเวลา ไม่เบ่งมากขณะขับถ่าย เนื่องจากการเบ่งมากจะทำให้เลือดคั่งบริเวณบริเวณ ทวารหนัก ทำให้เนื้อเยื่อปากทวารหนักบวมและยื่นออกมาได้ 4.ออกกำลังกายอยู่เสมอ 5.นอนหลับผักผ่อนให้เพียงพอ 6.หลีกเลี่ยงอาหารที่ระคายเคืองทางเดินอาหารเช่น อาหารรสจัด ชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ Ref. Link : http://www.thailabonline.com/sec51hemor.htm |
![]() | Word Info ID : 8949 Word INFO : โดยทั่วไปผู้ที่เคยเป็นริดสีดวงทวารแล้วและไม่ได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือแสงเลเซอร์มักจะมีโอกาสเกิดอาการเลือดออกได้อีกเนื่องจากการรักษาด้วยการรับประทานยาเป็นเพียงการทำให้แผลดีขึ้นและทำให้หลอดเลือดแข็งแรงเพื่อป้องกันโอกาสที่จะเกิดแผลใหม่ๆ แต่แผลที่เคยเป็นมาก่อนยังคงอยู่และถ้าผู้ป่วยปฏิบัติตนไม่ถูกต้องก็ยังมีโอกาสที่หลอดเลือดจะปริแตกซ้ำที่บริเวณเดิมหรือเกิดแผลใหม่ได้ ดังนั้นการปฏิบัติตนจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการเป็นซ้ำ สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเป็นโรคนี้มาก่อนถ้าสามารถปฏิบัติตนได้ถูกต้องก็จะป้องกันไม่ให้เป็นโรคนี้ได้ ทั้งนี้ข้อแนะนำในการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการเป็นริดสีดวงทวารหรือป้องกันการเป็นซ้ำคือการป้องกันไม่ให้ตนเองท้องผูกหรือนั่งถ่ายอุจจาระนานๆ ด้วยการรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ได้แก่ ผักและผลไม้โดยเฉพาะผลไม้สุกที่มีลักษณะนิ่ม ลื่น เช่น กล้วยน้ำว้า มะละกอสุก สำหรับผลไม้ที่มีรสฝาดควรรับประทานให้น้อยลงเนื่องจากมีสารแทนนินซึ่งอาจทำให้ท้องผูกได้ นอกจากนี้ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้อุจจาระไม่แข็งและควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ลำไส้สามารถบีบตัวเพื่อขับถ่ายได้ตามปกติ ควรงดการรับประทานชา กาแฟ เนื่องจากสารคาเฟอีนในชา กาแฟมีฤทธิ์ทำให้ท้องผูกได้ แม้ว่าผู้ป่วยริดสีดวงทวารส่วนใหญ่จะเกิดจากการท้องผูก แต่ผู้ป่วยบางรายก็เป็นริดสีดวงทวารเนื่องจากท้องเสียบ่อยๆ และขับถ่ายในลักษณะเบ่ง จะต้องหาสาเหตุของอาการท้องเสียและพยายามหลีกเลี่ยงเพื่อให้การรักษาด้วยยาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันการกลับเป็นโรคริดสีดวงทวารใหม่ Ref. Link : http://www.pharm.su.ac.th/thai/Organizations/DIS/Articles/health001... |
![]() | Word Info ID : 8953 Word INFO : ควรระวังไม่ให้ท้องผูก ไม่ควรเบ่งอุจจาระ ควรใช้การแขม่วท้องช่วยแทน ไม่ควรนั่งถ่ายอุจจาระนานๆ ถ้าต้องนั่งทำงานอยู่นานๆ ควรขมิบก้นเป็นครั้งคราว เพื่อช่วยให้การไหลเวียนเลือดบริเวณรูทวารหนักดีขึ้น ไม่รับประทานอาหารเผ็ดจัด หรือ ดื่มแอลกอฮอล Ref. Link : http://www.kmitl.ac.th/health/art37-01.html |
![]() | Word Info ID : 8982 Word INFO : การป้องกันและการดูแลตนเอง 1. ควรระวังอย่าให้ท้องผูกเรื้อรัง หรืออย่าเบ่งแรงๆ หรือนานๆเวลาถ่ายอุจจาระ ควรรับประทานน้ำ ผัก ผลไม้ให้มากๆเพื่อไม่ให้ท้องผูก หรืออาจใช้ยาระบายช่วยเป็นครั้งคราว ถ้ามีอาการมากควรไปพบแพทย์ เพราะอาจต้องรักษาโดยการผ่าตัด 2. ป้องกันไม่ให้มีการอักเสบหรือติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยทำความสะอาดหลังอุจจาระด้วยสบู่และน้ำสะอาด การเช็ดแรงๆจะทำให้อักเสบและติดเชื้อโรคง่าย 3. ถ้าปวดมาก ให้กินยาแก้ปวดและนั่งแช่ในน้ำอุ่น ผสมด่างทับทิมนาน 15-30 นาที วันละ 2-3 ครั้ง 4. ถ้าเลือดออกบ่อยๆ ให้สังเกตว่าเยื่อบุตาและเนื้อใต้เล็บซีดกว่าคนทั่วไปหรือไม่ ถ้าซีดควรไปพบแพทย์ 5. ถ้ามีเลือดออกนานเกิน 1 สัปดาห์ หรือผู้ป่วยเกิน 40 ปี ควรไปพบแพทย์เพราะอาจมีโรคอื่นๆร่วมด้วย Ref. Link : http://www.samunpri.com/modules.php?name=Herbs&file=Health&func=rid... |
![]() | Word Info ID : 8985 Word INFO : ที่เป็นโรคริดสีดวงทวารแล้วจะต้องดูแลตนเองอย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้โรคกำเริบ และใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ควรปฏิบัติ ดังนี้ ค่ะ 1. หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตดำบริเวณทวารหนักและร่างกายให้ดีขึ้น 2. พยายามหลีกเลี่ยงการยืนนาน ๆ หรือนั่งนาน ๆ 3. ทำจิตใจให้สบายเสมอง ซึ่งความตึงเครียดวิตกกังวลจิตใจที่หดหู่ เศร้าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โลหิตมีการหมุนเวียนไม่ดี 4. การจัดระบบระเบียบการกินอาหาร การกินของท่านให้ถูกสุขลักษณะ เช่น ดื่มน้ำให้มากพอทุกวัน รับประทานอาหารที่มีกากมาก ๆ เช่น ผัก และผลไม้ งดรับปะทานอหารที่มีรสเผ็ด , งดอาหารที่ย่อยยาก , งดดื่มสุรา เบียร์ หลีกเลี่ยงชา และ กาแฟ ทำทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ทุกครั้งหลังขับถ่ายอุจจาระแล้วต้องทำความสะอาดบริเวณรอบทวารหนักให้ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยใช้น้ำและสบู่ ซับน้ำให้แห้งด้วยนะค่ะ หากริดสีดวงโผล่ออกมาให้ใช้ปลายนิ้วชุบสบู่ให้หล่อลื่นแล้วดัน หัวริดสีดวงกลับเข้าไปอย่าปล่อยคาไว้ เพราะจะทำให้หัวริดสีดวงบวม เมื่อถูกกับเสื้อผ้าก็จะเกิดการอักเสบหรือฉีกขาดจนกระทั่ง เลือดออกได้ และหากดันกลับเข้าไปไม่ได้ผลเกิดการอักเสบควรไปพบแพทย์นะคะ Ref. Link : http://province.moph.go.th/chiangmai/educate/menu_health.htm#a3 |
![]() | Word Info ID : 9050 Word INFO : การป้องกัน ขับถ่ายให้เป็นเวลา ไม่ทำให้ท้องผูก กินอาหารที่มีกาก ผักผลไม้ เพื่อช่วยในการขับถ่าย ดื่มน้ำมากๆ ถ้ามีอาการผิดปรกติ รีบปรึกษาแพทย์ Ref. Link : http://www.thaiclinic.com/hemorrhoid.html |
![]() | Word Info ID : 9053 Word INFO : ปฏิบัติตัวอย่างไรจึงจะห่างไกลริดสีดวงทวาร รับประทานอาหารที่มีกาก ( Fiber Food) เช่น ผักสด ผลไม้สด เพราะผักและผลไม้จะไม่สามารถย่อยสลายได้หมด และสามารถดูดน้ำกลับจากลำไส้ ส่งผลให้กากอุจจาระมีลักษณะนุ่มและอุ้มน้ำอยู่ภายใน และเมื่อถ่ายอุจจาระจะทำให้ไม่ต้องออกแรงเบ่งมาก ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะเมื่อร่างกายเคลื่อนไหว ลำไส้ก็จะมีการเคลื่อนไหว และไปบีบให้อุจจาระมีการเคลื่อนตัวทำให้ขับถ่ายสบาย ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เพื่อให้อุจจาระมีน้ำอุ้มอยู่ ส่งผลให้กากอุจจาระนุ่ม โดยทั่วไปการที่ร่างกายได้รับน้ำในปริมาณที่น้อยกว่าความต้องการจะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย เพราะโดยปกติร่างกายจะมีปริมาณน้ำในลำตัวคงที่ เมื่อเราดื่มน้ำน้อย ลำไส้ต้องทำหน้าที่ดูดน้ำกลับจากกากอาหารที่เคลื่อนที่ผ่านไป เพื่อเข้าสู่ระบบการไหลเวียนของเลือด ซึ่งเป็นการรักษาสมดุลของน้ำในร่างกายตลอดเวลา และย่อมส่งผลต่อการแข็งตัวของอุจจาระอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเราทำความรู้จักกับโรคริดสีดวงทวารหนัก รวมถึงทราบว่าที่มาของโรคเป็นอย่างไรแล้ว จึงไม่ยากที่จะหลีกเลี่ยง เพราะเพียงท่านมีนิสัยในการรับประทานอาหารที่เหมาะสม ดูแลรักษาตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอด้วยการออกกำลังกาย ท่านย่อมห่างไกลริดสีดวงทวารอย่างแน่นอน Ref. Link : http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=368 |
![]() | Word Info ID : 9068 Word INFO : คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันและบรรเทาริดสีดวงทวาร 1. ไม่ให้ท้องผูก >> ฝึกการขับถ่ายให้เป็นเวลา >> ไม่กลั้นอุจจาระ เมื่อปวดถ่ายควรถ่ายทันที >> รับประทานผักผลไม้สม่ำเสมอ >> การนั่งส้วมแบบยองๆจะช่วยให้ถ่ายสะดวกมากยิ่งขึ้น >> ออกกำลังกายสม่ำเสมอ >> ทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส ไม่เครียด >> ไม่ดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม 2. ไม่ให้ท้องเสีย >> รับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ งดอาหารรสจัดและอาหารหมักดอง >> ไม่ใช้ยาระบายหรือยาถ่ายโดยแพทย์ไม่ได้สั่ง 3. หลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนนานเกินไป ควรเปลี่ยนอริยบทบ่อยๆ เพื่อให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น 4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือด Ref. Link : http://www.ra.mahidol.ac.th/nurse/thai/main/know_people01.html |
![]() | อื่นๆ (2) |
![]() | Word Info ID : 526 Word INFO : มีอาการถ่ายเป็นเลือดนานกว่า 1 สัปดาห์ หรือพบในคนอายุมากกว่า 40 ปี ควรปรึกษาแพทย์ Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 8939 Word INFO : ริดสีดวงทวารเป็นสาเหตุสำคัญของการถ่ายเป็นเลือดสดๆ โรคนี้ไม่มีอันตราย ร้ายแรง แต่ทำให้เกิดความไม่สดวกมาก ที่สำคัญสามารถป้องกันด้วยการ ระมัดระวังอย่าให้ท้องผูก เพราะเมื่อท้องผูกจำเป็นต้องเบ่งถ่าย และการเบ่ง ถ่ายเป้นสาเหตุให้มีเลือดออกได้ ในกรณีที่มีอาการถ่ายเป็นเลือดนานกว่า 1 สัปดาห์ หรือพบในคนอายุมากกว่า 40 ปี ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็น สาเหตุอื่นด้วยเช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น Ref. Link : http://www.thailabonline.com/sec51hemor.htm |