จำนวนบทความของคำ "ตับแข็ง" : 50 ตับแข็ง เป็น ชื่อโรค |
Click เพื่อดูภาพขนาดใหญ่ |
![]() | ลักษณะทั่วไป (7) |
![]() | Word Info ID : 2082 Word INFO : ตับแข็ง เป็นโรคตับเรื้อรัง ที่เซลล์ตับจำนวนมากถูกทำลายอย่างถาวร จนกลายเป็นเยื่อพังผืด ที่มีลักษณะแข็งกว่าปกติ ทำให้มีการเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ร่างกายสร้างตามธรรมชาติ (เป็นเหตุทำให้มีอาการฝ่ามือแดง จุดแดงรูปแมงมุม นมโตและอัณฑะฝ่อในผู้ชาย), การคั่งของสารบิลิรูบิน (ทำให้ดีซ่าน), การสังเคราะห์สารที่ช่วยห้ามเลือดได้น้อยลง (มีภาวะเลือดออกง่าย), มีภาวะความดันในหลอดเลือดดำของตับสูง (ทำให้ท้องมาน หรือมีน้ำคั่งในช่องท้อง, เส้นเลือดขอดที่หลอดอาหาร, ริดสีดวงทวาร) ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของระบบต่าง ๆ อาการเริ่มแรก มักเกิดในช่วงอายุระหว่าง 40-60 ปี แต่ถ้าพบในคนอายุน้อย อาจเกิดจากโรคตับอักเสบจากไวรัสชนิดรุนแรง หรือเกิดจากการใช้ยาผิด หรือสารเคมีบางชนิด Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 3219 Word INFO : ตับเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย ตับมีหน้าที่ทำลายสารพิษ poison หรือของเสียออกจากเลือด สร้างภูมิคุ้มกัน immune เพื่อต่อต้านเชื้อโรค สร้างสารเพื่อให้เลือดแข็งตัว clotTINg factors สร้างน้ำดี bile เพื่อย่อยอาหารและดูดซึมวิตามินที่ละลายในน้ำมัน fat soluble vitamin ผู้ป่วยที่เป็นตับแข็ง เนื้อตับจะถูกทำลายจะมีพังผืดแทรกและเบียดเนื้อตับที่ดีทำให้เลือดไปที่ตับน้อยลง Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Disease/GI/hepatitis/cirrhosis.htm |
![]() | Word Info ID : 4760 Word INFO : ตับเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย ตับมีหน้าที่ทำลายสารพิษ poison หรือของเสียออกจากเลือด สร้างภูมิคุ้มกัน immune เพื่อต่อต้านเชื้อโรค สร้างสารเพื่อให้เลือดแข็งตัว clotTINg factors สร้างน้ำดี bile เพื่อย่อยอาหารและดูดซึมวิตามินที่ละลายในน้ำมัน fat soluble vitamin ผู้ป่วยที่เป็นตับแข็ง เนื้อตับจะถูกทำลายจะมีพังผืดแทรกและเบียดเนื้อตับที่ดีทำให้เลือดไปที่ตับน้อยลง Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Disease/GI/hepatitis/cirrhosis.htm |
![]() | Word Info ID : 10094 Word INFO : ตับเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย ตับมีหน้าที่ทำลายสารพิษ poison หรือของเสียออกจากเลือด สร้างภูมิคุ้มกัน immune เพื่อต่อต้านเชื้อโรค สร้างสารเพื่อให้เลือดแข็งตัว clotTINg factors สร้างน้ำดี bile เพื่อย่อยอาหารและดูดซึมวิตามินที่ละลายในน้ำมัน fat soluble vitamin ผู้ป่วยที่เป็นตับแข็ง เนื้อตับจะถูกทำลายจะมีพังผืดแทรกและเบียดเนื้อตับที่ดีทำให้เลือดไปที่ตับน้อยลง Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Disease/GI/hepatitis/cirrhosis.htm |
![]() | Word Info ID : 10099 Word INFO : ตับแข็งคือสภาวะที่เซลล์ตับถูกทำลายมีลักษณะคล้ายเป็นสะเก็ด เซลล์ที่ตายไปแล้วนี้จะไม่สามารถที่จะกลับดีขึ้นมาได้อีก Ref. Link : http://www.arokaya.org/news/gen.php?id=15 |
![]() | Word Info ID : 10102 Word INFO : ตับแข็ง เป็นโรคตับเรื้อรัง ที่เซลล์ตับจำนวนมากถูกทำลายอย่างถาวร จนกลายเป็นเยื่อพังผืด ที่มีลักษณะแข็งกว่าปกติ ทำให้มีการเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ร่างกายสร้างตาม ธรรมชาติ (เป็นเหตุทำให้มีอาการฝ่ามือแดง จุดแดงรูปแมงมุม นมโตและอัณฑะฝ่อในผู้ชาย), การคั่งของสารบิลิรูบิน (ทำให้ดีซ่าน), การสังเคราะห์สารที่ช่วยห้ามเลือดได้น้อยลง (มีภาวะเลือด ออกง่าย), มีภาวะความดันในหลอดเลือดดำของตับสูง (ทำให้ท้องมาน หรือมีน้ำคั่งในช่องท้อง, เส้นเลือดขอดที่หลอดอาหาร, ริดสีดวงทวาร) ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของระบบต่าง ๆ อาการเริ่มแรก มักเกิดในช่วงอายุระหว่าง 40-60 ปี แต่ถ้าพบในคนอายุน้อย อาจเกิดจากโรคตับ อักเสบจากไวรัสชนิดรุนแรง หรือเกิดจากการใช้ยาผิด หรือสารเคมีบางชนิด Ref. Link : http://www.thailabonline.com/sec51hep.htm |
![]() | Word Info ID : 10110 Word INFO : ตับแข็ง เป็นโรคตับเรื้อรัง ที่เซลล์ตับจำนวนมากถูกทำลายอย่างถาวร จนกลายเป็นเยื่อพังผืด ที่มีลักษณะแข็งกว่าปกติ ทำให้มีการเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ร่างกายสร้างตาม ธรรมชาติ (เป็นเหตุทำให้มีอาการฝ่ามือแดง จุดแดงรูปแมงมุม นมโตและอัณฑะฝ่อในผู้ชาย), การคั่งของสารบิลิรูบิน (ทำให้ดีซ่าน), การสังเคราะห์สารที่ช่วยห้ามเลือดได้น้อยลง (มีภาวะเลือด ออกง่าย), มีภาวะความดันในหลอดเลือดดำของตับสูง (ทำให้ท้องมาน หรือมีน้ำคั่งในช่องท้อง, เส้นเลือดขอดที่หลอดอาหาร, ริดสีดวงทวาร) ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของระบบต่าง ๆ อาการเริ่มแรก มักเกิดในช่วงอายุระหว่าง 40-60 ปี แต่ถ้าพบในคนอายุน้อย อาจเกิดจากโรคตับ อักเสบจากไวรัสชนิดรุนแรง หรือเกิดจากการใช้ยาผิด หรือสารเคมีบางชนิด Ref. Link : http://www.geocities.com/cddiag/section51.htm |
![]() | สาเหตุของโรค (9) |
![]() | Word Info ID : 2083 Word INFO : เซลล์ตับถูกทำลาย มักมีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซี การดื่มเหล้าจัด (มากกว่าวันละ 80 กรัม นาน 5-10 ปีขึ้นไป) หรือการใช้ยาเกินขนาด (เช่น พาราเซตามอล เตตราไซคลีน ยารักษาวัณโรคบางชนิด) หรือสารเคมีบางชนิด (เช่น คลอโรฟอร์ม, คาร์บอนเตตราคลอไรด์, สารโลหะหนัก) นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากภาวะขาดอาหาร หรือเกิดจากภาวะแทรกซ้อนของโรคทาลัสซีเมีย (105), ภาวะหัวใจวายเรื้อรัง (98), ภาวะทางเดินน้ำดีอุดกั้น เป็นต้น บางคนอาจไม่มีประวัติเหล่านี้ชัดเจน อาจเนื่องจากเป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีหรือซีมานาน โดยไม่รู้ตัวก็ได้ Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 3220 Word INFO : สาเหตุ ตับแข็งเกิดจากหลายสาเหตุ ในประเทศไทยโดยมากเกิดจาก สุรา ไวรัสตับอักเสบ บี Alcoholic cirrhosis ตับแข็งที่เกิดจากสุรามักเกิดหลังจากที่ได้ดื่มสุราเป็นปริมาณมากมาในระยะเสลาหนึ่ง ปริมาณที่ดื่มขึ้นกับแต่ละบุคคล ผู้หญิงจะเกิดตับแข็งได้ง่ายกว่าผู้ชาย ผู้หญิงอาจจะดื่มเพียง 2-3 แก้วต่อวันก็ทำให้เกิดตับแข็ง ผู้ชายดื่ม 4-6 แก้วต่อวันก็สามารถทำให้เกิดตับแข็ง เชื่อว่าสุราทำให้การสันดาปของโปรตีน ไขมัน และ แป้งผิดไป Chronic hepatitis B,D ไวรัสตับอักเสบทำให้เกิดอักเสบของตับเป็นเป็นเวลาหลายปีก่อนที่จะมีตับแข็ง Chrinic hepatitis C เริ่มพบมากขึ้นทั่วโรคตับมีการอักเสบอย่างช้าก่อนเป็นตับแข็ง Autoimmune hepatitis เกิดจากโรคที่ภูมิคุ้มกันมีการทำลายเนื้อตับ Inherited diseases โรคกรรมพันธุ์บางโรคทำให้เกิดตับแข็ง เช่น hemochromatosis, Wilson's disease, galactosemia, Nonalcoholic steatohepatitis (NASH) มีการสร้างไขมันในตับเพิ่มทำให้กลายเป็นตับแข็ง เช่นผู้ป่วยเบาหวาน คนอ้วน Blocked bile ducts มีการอุดกั้นของทางเดินน้ำดี เช่นนิ่วของถุงน้ำดีถ้าหากอุดนานๆทำให้เกิดตับแข็ง ยา และสารพิษ หากไดัรับติดต่อกันเป็นเวลานานก็ทำให้เกิดตับแข็ง Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Disease/GI/hepatitis/cirrhosis.htm |
![]() | Word Info ID : 4762 Word INFO : ตับแข็งเกิดจากหลายสาเหตุ ในประเทศไทยโดยมากเกิดจาก สุรา ไวรัสตับอักเสบ บี Alcoholic cirrhosis ตับแข็งที่เกิดจากสุรามักเกิดหลังจากที่ได้ดื่มสุราเป็นปริมาณมากมาในระยะเสลาหนึ่ง ปริมาณที่ดื่มขึ้นกับแต่ละบุคคล ผู้หญิงจะเกิดตับแข็งได้ง่ายกว่าผู้ชาย ผู้หญิงอาจจะดื่มเพียง 2-3 แก้วต่อวันก็ทำให้เกิดตับแข็ง ผู้ชายดื่ม 4-6 แก้วต่อวันก็สามารถทำให้เกิดตับแข็ง เชื่อว่าสุราทำให้การสันดาปของโปรตีน ไขมัน และ แป้งผิดไป Chronic hepatitis B,D ไวรัสตับอักเสบทำให้เกิดอักเสบของตับเป็นเป็นเวลาหลายปีก่อนที่จะมีตับแข็ง Chrinic hepatitis C เริ่มพบมากขึ้นทั่วโรคตับมีการอักเสบอย่างช้าก่อนเป็นตับแข็ง Autoimmune hepatitis เกิดจากโรคที่ภูมิคุ้มกันมีการทำลายเนื้อตับ Inherited diseases โรคกรรมพันธุ์บางโรคทำให้เกิดตับแข็ง เช่น hemochromatosis, Wilson's disease, galactosemia, Nonalcoholic steatohepatitis (NASH) มีการสร้างไขมันในตับเพิ่มทำให้กลายเป็นตับแข็ง เช่นผู้ป่วยเบาหวาน คนอ้วน Blocked bile ducts มีการอุดกั้นของทางเดินน้ำดี เช่นนิ่วของถุงน้ำดีถ้าหากอุดนานๆทำให้เกิดตับแข็ง ยา และสารพิษ หากไดัรับติดต่อกันเป็นเวลานานก็ทำให้เกิดตับแข็ง Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Disease/GI/hepatitis/cirrhosis.htm |
![]() | Word Info ID : 10095 Word INFO : ตับแข็งเกิดจากหลายสาเหตุ ในประเทศไทยโดยมากเกิดจาก สุรา ไวรัสตับอักเสบ บี Alcoholic cirrhosis ตับแข็งที่เกิดจากสุรามักเกิดหลังจากที่ได้ดื่มสุราเป็นปริมาณมากมาในระยะเสลาหนึ่ง ปริมาณที่ดื่มขึ้นกับแต่ละบุคคล ผู้หญิงจะเกิดตับแข็งได้ง่ายกว่าผู้ชาย ผู้หญิงอาจจะดื่มเพียง 2-3 แก้วต่อวันก็ทำให้เกิดตับแข็ง ผู้ชายดื่ม 4-6 แก้วต่อวันก็สามารถทำให้เกิดตับแข็ง เชื่อว่าสุราทำให้การสันดาปของโปรตีน ไขมัน และ แป้งผิดไป Chronic hepatitis B,D ไวรัสตับอักเสบทำให้เกิดอักเสบของตับเป็นเป็นเวลาหลายปีก่อนที่จะมีตับแข็ง Chrinic hepatitis C เริ่มพบมากขึ้นทั่วโรคตับมีการอักเสบอย่างช้าก่อนเป็นตับแข็ง Autoimmune hepatitis เกิดจากโรคที่ภูมิคุ้มกันมีการทำลายเนื้อตับ Inherited diseases โรคกรรมพันธุ์บางโรคทำให้เกิดตับแข็ง เช่น hemochromatosis, Wilson's disease, galactosemia, Nonalcoholic steatohepatitis (NASH) มีการสร้างไขมันในตับเพิ่มทำให้กลายเป็นตับแข็ง เช่นผู้ป่วยเบาหวาน คนอ้วน Blocked bile ducts มีการอุดกั้นของทางเดินน้ำดี เช่นนิ่วของถุงน้ำดีถ้าหากอุดนานๆทำให้เกิดตับแข็ง ยา และสารพิษ หากไดัรับติดต่อกันเป็นเวลานานก็ทำให้เกิดตับแข็ง Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Disease/GI/hepatitis/cirrhosis.htm |
![]() | Word Info ID : 10100 Word INFO : สาเหตุของโรคตับแข็งมีหลายประการ ในประเทศเรามักจะได้ยินบ่อยๆ ว่าผู้ที่ดื่มสุราจัดมักเป็นโรคตับแข็ง เพราะทุกครั้งที่ดื่มสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เข้าไปตับจะทำหน้าที่ขจัดแอลกอฮอล์ซึ่งถือว่าเป็นสารพิษออกจากร่างกาย เมื่อเซลล์ตับต้องทำงานหนักมากขึ้น ๆ เซลล์ตับก็ตาย จึงเกิดสภาวะที่เรียกว่าตับแข็งขึ้น สาเหตุอีกประการหนึ่งของโรคตับแข็งที่พบบ่อยในประเทศเราก็คือ ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี เซลล์ตับจะถูกทำลายไปทีละน้อย ๆ ในที่สุดก็ทำให้เกิดภาวะตับแข็งขึ้น Ref. Link : http://www.arokaya.org/news/gen.php?id=15 |
![]() | Word Info ID : 10103 Word INFO : เซลล์ตับถูกทำลาย มักมีสาเหตุจากการติดเชื้อ ไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซี การดื่มเหล้าจัด (มากกว่าวันละ 80 กรัม นาน 5-10 ปีขึ้นไป) หรือการใช้ยาเกินขนาด (เช่น พาราเซตามอล เตตราไซคลีน ยารักษาวัณโรคบางชนิด) หรือสารเคมีบางชนิด (เช่น คลอโรฟอร์ม, คาร์บอน เตตราคลอไรด์, สารโลหะหนัก) นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากภาวะขาดอาหาร หรือเกิดจากภาวะ แทรกซ้อนของโรคทาลัสซีเมีย , ภาวะหัวใจวายเรื้อรัง ภาวะทางเดินน้ำดีอุดกั้น เป็นต้น บางคนอาจไม่มีประวัติเหล่านี้ชัดเจน อาจเนื่องจากเป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีหรือ ซเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีหรือ ซซี มานาน โดยไม่รู้ตัวก็ได้ Ref. Link : http://www.thailabonline.com/sec51hep.htm |
![]() | Word Info ID : 10111 Word INFO : เซลล์ตับถูกทำลาย มักมีสาเหตุจากการติดเชื้อ ไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซี การดื่มเหล้าจัด (มากกว่าวันละ 80 กรัม นาน 5-10 ปีขึ้นไป) หรือการใช้ยาเกินขนาด (เช่น พาราเซตามอล เตตราไซคลีน ยารักษาวัณโรคบางชนิด) หรือสารเคมีบางชนิด (เช่น คลอโรฟอร์ม, คาร์บอน เตตราคลอไรด์, สารโลหะหนัก) นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากภาวะขาดอาหาร หรือเกิดจากภาวะ แทรกซ้อนของโรคทาลัสซีเมีย , ภาวะหัวใจวายเรื้อรัง ภาวะทางเดินน้ำดีอุดกั้น เป็นต้น บางคนอาจไม่มีประวัติเหล่านี้ชัดเจน อาจเนื่องจากเป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีหรือ ซเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีหรือ ซซี มานาน โดยไม่รู้ตัวก็ได้ Ref. Link : http://www.geocities.com/cddiag/section51.htm |
![]() | Word Info ID : 10118 Word INFO : ตับแข็งมาจากสาเหตุหลายๆอย่าง ที่นำมาอันดับหนึ่งในบ้านเรา ก็มาจากการดื่มสุรามากเกินไปนั่นเอง [alcoholic cirrhosis] ถัดมาก็เป็นสาเหตุจากการเคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซึ่งได้แก่ ไวรัส B;C;และ D หรือเกิดจากสารพิษในอาหารที่วางขายตามท้องตลาดที่มีเชื้อราปนเปื้อนอยู่ ดังนั้นเราควรต้องบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ และมีคุณสมบัติขจัดสารพิษต่างๆได้ นอกจากนี้ก็เป็นสาเหตุที่พบได้น้อย ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด เช่น wilson's disease เป็นโรคหนึ่งที่ทำให้มีการสะสมของธาตุทองแดงในร่างกายมากกว่าปกติ นานเข้าตับก็เสื่อมสภาพได้ อีกโรคก็คือ ภาวะที่ท่อทางเดินน้ำดีตีบตันแต่กำเนิด [biliary atresia]จะทำให้น้ำดีคั่งอยู่ภายในตับ นานๆเข้าตับก็จะถูกทำลายด้วยความดันที่สูง ในที่สุดก็กลายเป็นตับแข็ง ซึ่งอาการมักเป็นตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ Ref. Link : http://thaiwellness.esmartdesign.com/cirrhosis/cirrhosis.htm |
![]() | Word Info ID : 10120 Word INFO : 1. ดื่มสุราติดต่อกันเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี เพราะแอลกอฮอล์ในสุราจะทำให้เกิดความผิดปกติของการใช้โปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตในตับ ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบ และเรื้อรังจนเป็นตับแข็ง 2. ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี, ซี เรื้อรัง 3. ยาชนิดที่ต้องรับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน หรือยาสมุนไพรบางชนิด เช่น ยาเม็ดใบขี้เหล็กซึ่งนิยมใช้เป็นยานอนหลับ เป็นต้น 4. สารพิษ เช่น สารหนู (ARSENIC) ที่ผสมในยาต้ม ยาหม้อ อาจก่อให้เกิดพังผืดในตับได้ 5. พยาธิบางชนิด เช่น พยาธิใบไม้ในเลือด Schistosome อาจทำให้เกิดตับแข็ง 6. ภาวะดีซ่านเรื้อรัง เนื่องจากท่อน้ำดีอุดตัน เพราะโดยปกติน้ำดีจะถูกส่งขึ้นไปที่ตับ และไหลลงมาสู่ลำไส้เล็กส่วนต้นตามท่อน้ำดี ถ้ามีการอุดกั้นการไหลของน้ำดีไม่ว่าจะจากสาเหตุใดก็ตาม เช่น จากนิ่วน้ำดีอุกท่อน้ำดี หรือ เนื้องอกอุด หรือเบียดท่อน้ำดีจนตีบตันเป็นเวลานาน น้ำดีที่ไหลย้อนกลับไปที่ตับก็จะสามารถทำลายเนื้อตับจนเป็นตับแข็งได้ 7. ภาวะหัวใจวายเรื้อรัง ทำให้เส้นเลือดคั่งที่ตับ เลือดไหลเวียนในตับน้อยลง เนื้อตับขาดภาวะออกซิเจนจนตายลง 8. โรคกรรมพันธ์บางชนิด เช่น โรควิลสันที่เกิดจากมีการสะสมทองแดงในตับมาก จนเนื้อตับอักเสบและตาย หรืออาจเกิดตับแข็ง เป็นต้น 9. โรคตับอักเสบจากภูมิต้านทานตนเอง ที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันหันมาทำลายตับตนเอง 10. โรคตับอักเสบจากไขมัน เกิดจากภาวะที่มีไขมันสะสมที่ตับเป็นจำนวนมาก อาจจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรังจนกลายเป็นตับแข็งได้ นอกจากนี้อาจพบร่วมกับโรคบางชนิด เช่น เบาหวาน โรคอ้วน เป็นต้น Ref. Link : http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=370 |
![]() | อาการของโรค (7) |
![]() | Word Info ID : 2084 Word INFO : ระยะเริ่มแรก อาจไม่มีอาการผิดปกติชัดเจน อาจมีเพียงอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ คล้ายอาหารไม่ย่อย ต่อมาเป็นแรมปี อาจเริ่มรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เป็นบางครั้ง น้ำหนักลด เท้าบวม อาจรู้สึกเจ็บบริเวณชายโครงขวาเล็กน้อย ตาเหลือง คันตามผิวหนัง ความรู้สึกทางเพศลดลง ในผู้หญิงอาจมีอาการประจำเดือนขาดหรือมาไม่สม่ำเสมอ มีหนวดขึ้น หรือมีเสียงแหบห้่วคล้ายผู้ชาย ในผู้ชายอาจรู้สึกนมโตและเจ็บ (gynecomastia) อัณฑะฝ่อตัว บางคนอาจสังเกตเห็นฝ่ามือแดงผิดปกติ หรือมีจุดแดงที่หน้าอก หน้าท้อง ในระยะท้ายของโรค (หลังเป็นอยู่หลายปี หรือยังดื่มเหล้าจัด) จะมีอาการท้องมาน เท้าบวม เส้นเลือดขอดที่ขา เส้นเลือดพองที่หน้าท้อง อาจอาเจียนเป็นเลือดสด ๆ เนื่องจากเส้นเลือดที่หลอดอาหารขอดแล้วแตก ซึ่งอาจถึงช็อกและตายได้ ผู้ป่วยมักจะลงเอยด้วยอาการซึม เพ้อ มือสั่น และค่อย ๆ ไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งหมดสติ Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 3221 Word INFO : อาการ ผู้ป่วยตับแข็งในระยะเริ่มแรกจะไม่มีอาการ เมื่อตับเป็นมากขึ้นเรื่อยๆจึงเกิดอาการของตับแข็งได้แก่ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เหนื่อยง่าย คลื่นไส้ น้ำหนักลด ถ้าหากโรคเป็นมากขึ้นผู้ป่วยบางรายอาจมาด้วยอาการของโรคแทรกซ้ Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Disease/GI/hepatitis/cirrhosis.htm |
![]() | Word Info ID : 4765 Word INFO : ผู้ป่วยตับแข็งในระยะเริ่มแรกจะไม่มีอาการ เมื่อตับเป็นมากขึ้นเรื่อยๆจึงเกิดอาการของตับแข็งได้แก่ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เหนื่อยง่าย คลื่นไส้ น้ำหนักลด ถ้าหากโรคเป็นมากขึ้นผู้ป่วยบางรายอาจมาด้วยอาการของโรคแทรกซ้อน Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Disease/GI/hepatitis/cirrhosis.htm |
![]() | Word Info ID : 10096 Word INFO : ผู้ป่วยตับแข็งในระยะเริ่มแรกจะไม่มีอาการ เมื่อตับเป็นมากขึ้นเรื่อยๆจึงเกิดอาการของตับแข็งได้แก่ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เหนื่อยง่าย คลื่นไส้ น้ำหนักลด ถ้าหากโรคเป็นมากขึ้นผู้ป่วยบางรายอาจมาด้วยอาการของโรคแทรกซ้อน Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Disease/GI/hepatitis/cirrhosis.htm |
![]() | Word Info ID : 10101 Word INFO : ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับแข็งเมื่อมีอาการมาก จะมีอาการตาเหลือง ตัวเหลือง จากดีซ่าน มีน้ำในช่องท้อง ที่เรียกกันว่าท้องมาน ในบางรายก็มีอาการขาบวม ตามเนื้อตัวมีจ้ำเลือด เนื่องจากสภาวะเกล็ดเลือดต่ำทำให้เลือดแข็งตัวช้ากว่าปรกติ นอกจากนี้เซลล์ตับซึ่งถูกทำลายไปเป็นจำนวนมากนี้ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปรกติ โดยเฉพาะการกำจัดสารพิษ เนื่องจากเลือดไม่สามารถจะไหลผ่านตับได้ตามปรกติ ทำให้เกิดภาวะสารพิษตกค้างและอาจทำให้ผู้ป่วยโคม่าได้ นอกจากนี้เส้นเลือดดำใหญ่ที่ไหลผ่านตับ ไม่สามารถจะผ่านได้โดยสะดวกเนื่องจากสภาวะตับแข็ง ทำให้เกิดภาวะแรงดันขึ้นในหลอดเลือดดำ ส่งผลให้เกิดสภาวะเส้นเลือดขอด โดยเฉพาะหากเส้นเลือดดำภายในช่องท้องบริเวณหลอดอาหารและกระเพาะอาหารขอดแล้วมีความเสี่ยงที่เส้นเลือดจะแตก และในกรณีนี้ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ ดังที่กล่าวแล้วข้างต้น เมื่อตับแข็งแล้วจะไม่สามารถกลับมาเป็นปรกติได้อีก มีทางเดียวก็คืออย่าให้ตับถูกทำลายมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะรายที่เกิดตับแข็งจากการดื่มแอลกอฮอล์ จะต้องงดดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด โดยธรรมชาติแล้วตับมีกำลังสำรองสูงมาก ในบางรายเหลือเนื้อตับดีเพียง 30% ก็ยังคงมีชีวิตอยู่ได้ ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับแข็งควรที่จะได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ และในรายที่ตับแข็งเริ่มมีความรุนแรง ควรที่จะได้ปรึกษาแพทย์ หรือโภชนากร เพื่อควบคุมอาหาร โดยเฉพาะการบริโภคโปรตีนในระดับที่เหมาะสม Ref. Link : http://www.arokaya.org/news/gen.php?id=15 |
![]() | Word Info ID : 10104 Word INFO : ระยะเริ่มแรก อาจไม่มีอาการผิดปกติชัดเจน อาจมีเพียงอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ คล้ายอาหารไม่ย่อย ต่อมาเป็นแรมปี อาจเริ่มรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เป็นบางครั้ง น้ำหนักลด เท้าบวม อาจรู้สึกเจ็บบริเวณชายโครงขวาเล็กน้อย ตาเหลือง คันตามผิวหนัง ความรู้สึก ทางเพศลดลง ในผู้หญิงอาจมีอาการประจำเดือนขาดหรือมาไม่สม่ำเสมอ มีหนวดขึ้น หรือมีเสียง แหบแห้งคล้ายผู้ชาย ในผู้ชายอาจรู้สึกนมโตและเจ็บ (gynecomastia) อัณฑะฝ่อตัว บางคนอาจ สังเกตเห็นฝ่ามือแดงผิดปกติ หรือมีจุดแดงที่หน้าอก หน้าท้อง ในระยะท้ายของโรค (หลังเป็นอยู่หลายปี หรือยังดื่มเหล้าจัด) จะมีอาการท้องมาน เท้าบวม เส้น เลือดขอดที่ขา เส้นเลือดพองที่หน้าท้อง อาจอาเจียนเป็นเลือดสด ๆ เนื่องจากเส้นเลือดที่หลอด อาหารขอดแล้วแตก ซึ่งอาจถึงช็อกและตายได้ ผู้ป่วยมักจะลงเอยด้วยอาการซึม เพ้อ มือสั่น และ ค่อย ๆ ไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งหมดสติ Ref. Link : http://www.thailabonline.com/sec51hep.htm |
![]() | Word Info ID : 10112 Word INFO : ระยะเริ่มแรก อาจไม่มีอาการผิดปกติชัดเจน อาจมีเพียงอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ คล้ายอาหารไม่ย่อย ต่อมาเป็นแรมปี อาจเริ่มรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เป็นบางครั้ง น้ำหนักลด เท้าบวม อาจรู้สึกเจ็บบริเวณชายโครงขวาเล็กน้อย ตาเหลือง คันตามผิวหนัง ความรู้สึก ทางเพศลดลง ในผู้หญิงอาจมีอาการประจำเดือนขาดหรือมาไม่สม่ำเสมอ มีหนวดขึ้น หรือมีเสียง แหบแห้งคล้ายผู้ชาย ในผู้ชายอาจรู้สึกนมโตและเจ็บ (gynecomastia) อัณฑะฝ่อตัว บางคนอาจ สังเกตเห็นฝ่ามือแดงผิดปกติ หรือมีจุดแดงที่หน้าอก หน้าท้อง ในระยะท้ายของโรค (หลังเป็นอยู่หลายปี หรือยังดื่มเหล้าจัด) จะมีอาการท้องมาน เท้าบวม เส้น เลือดขอดที่ขา เส้นเลือดพองที่หน้าท้อง อาจอาเจียนเป็นเลือดสด ๆ เนื่องจากเส้นเลือดที่หลอด อาหารขอดแล้วแตก ซึ่งอาจถึงช็อกและตายได้ ผู้ป่วยมักจะลงเอยด้วยอาการซึม เพ้อ มือสั่น และ ค่อย ๆ ไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งหมดสติ Ref. Link : http://www.geocities.com/cddiag/section51.htm |
![]() | สิ่งที่ตรวจพบ (3) |
![]() | Word Info ID : 2085 Word INFO : ฝ่ามือแดง มีจุดแดงรูปแมงมุม ที่หน้าอก จมูก ต้นแขน เท้าบวม ท้องบวม อาจมีตาเหลืองเล็กน้อยหรือไม่มีก็ได้ อาจมีไข้ต่ำ ๆ ต่อมน้ำลายข้างหู (Parotid gland) อาจโตคล้ายคางทูม และอาจมีอาการขนร่วง ในผู้ชายอาจพบอาการนมโตและเจ็บ ตับ อาจคลำได้ ค่อนข้างแข็ง ผิวเรียบ ถ้าเป็นมาก จะพบว่ารูปร่างผอมแห้ง ซีด ท้องโตมาก เส้นเลือดพองที่หน้าท้อง มือสั่น ม้ามโต นิ้วปุ้ม มีจุดแดงจ้ำเขียวตามผิวหนัง Ref. Link : ttp://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 10105 Word INFO : ฝ่ามือแดง มีจุดแดงรูปแมงมุม ที่หน้าอก จมูก ต้นแขน เท้าบวม ท้องบวม อาจมีตาเหลืองเล็กน้อย หรือไม่มีก็ได้อาจมีไข้ต่ำ ๆ ต่อมน้ำลายข้างหู (Parotid gland) อาจโตคล้ายคางทูม และอาจมี อาการขนร่วง ในผู้ชายอาจพบอาการ นมโตและเจ็บ ตับ อาจคลำได้ ค่อนข้างแข็ง ผิวเรียบ ถ้าเป็นมาก จะพบว่ารูปร่างผอมแห้ง ซีด ท้องโตมาก เส้นเลือดพองที่หน้าท้อง มือสั่น ม้ามโต นิ้วปุ้ม มีจุดแดง จ้ำเขียวตามผิวหนัง Ref. Link : http://www.thailabonline.com/sec51hep.htm |
![]() | Word Info ID : 10113 Word INFO : ฝ่ามือแดง มีจุดแดงรูปแมงมุม ที่หน้าอก จมูก ต้นแขน เท้าบวม ท้องบวม อาจมีตาเหลืองเล็กน้อย หรือไม่มีก็ได้อาจมีไข้ต่ำ ๆ ต่อมน้ำลายข้างหู (Parotid gland) อาจโตคล้ายคางทูม และอาจมีอาการ ขนร่วง ในผู้ชายอาจพบอาการ นมโตและเจ็บ ตับ อาจคลำได้ ค่อนข้างแข็ง ผิวเรียบ ถ้าเป็นมาก จะพบว่ารูปร่างผอมแห้ง ซีด ท้องโตมาก เส้นเลือดพองที่หน้าท้อง มือสั่น ม้ามโต นิ้วปุ้ม มีจุดแดง จ้ำเขียวตามผิวหนัง Ref. Link : http://www.geocities.com/cddiag/section51.htm |
![]() | โรคแทรกซ้อน (6) |
![]() | Word Info ID : 2086 Word INFO : ภูมิต้านทานโรคลดลงทำให้เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย (เช่น วัณโรค ปอดบวม) ถ้าเป็นเรื้อรัง จะมีอาการอาเจียนเป็นเลือด เนื่องจากเส้นเลือดขอดที่หลอดอาหาร (Esophageal varices) เกิดแตก ซึ่งอาจช็อกถึงตายได้ ในระยะสุดท้ายเมื่อตับทำงานไม่ได้ (ตับวาย) ก็จะเกิดอาการทางสมอง (Hepatic encephalopathy) ในที่สุดมีอาการหมดสติเรียกว่า ภาวะหมดสติจากตับวาย (Hepatic coma) นอกจากนี้ยังพบว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งในตับสูงกว่าคนปกติ Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 3224 Word INFO : โรคแทรกซ้อนของโรคตับแข็ง บวมหลังเท้า และท้องเนื่องจากตับไม่สามารถสร้างไข่ขาว เลือดออกง่าย เนื่องจากตับไม่สามารถสารที่ทำให้เลือดแข็งตัว ตัวเหลืองและตาเหลือง เนื่องจากตับไม่สามารถขับน้ำดี คันตามตัวเนื่องจากน้ำดีสะสมตามผิวหนัง นิ่วในถุงน้ำดี สูญเสียความสามารถเกี่ยวกับความจำ สติ เนื่องจากการคั่งของๆเสีย ไวต่อยา การให้ยาในผู้ป่วยตับแข็งต้องระวังการเกิดยาเกินขนาดเนื่องจากตับไม่สามารถทำลายยาแม้ว่าจะให้ยาขนาดปกติ ยาบางชนิดอาจต้องลดปริมาณยา อาเจียนเป็นเลือดเนื่องจากตับแข็งจะทำให้ความดันในตับสูงส่งผลให้หลอดเลือดดำในหลอดอาหารมีความดันสูง และถ้าสูงมากเกิดการแตกของหลอดเลือดดำ ปัญหาต่อระบบอื่น เช่น ติดเชื้อง่ายเนื่องจากภูมิคุ้มกันลดลง ท้องมาน ไตวาย Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Disease/GI/hepatitis/cirrhosis.htm |
![]() | Word Info ID : 4767 Word INFO : บวมหลังเท้า และท้องเนื่องจากตับไม่สามารถสร้างไข่ขาว เลือดออกง่าย เนื่องจากตับไม่สามารถสารที่ทำให้เลือดแข็งตัว ตัวเหลืองและตาเหลือง เนื่องจากตับไม่สามารถขับน้ำดี คันตามตัวเนื่องจากน้ำดีสะสมตามผิวหนัง นิ่วในถุงน้ำดี สูญเสียความสามารถเกี่ยวกับความจำ สติ เนื่องจากการคั่งของๆเสีย ไวต่อยา การให้ยาในผู้ป่วยตับแข็งต้องระวังการเกิดยาเกินขนาดเนื่องจากตับไม่สามารถทำลายยาแม้ว่าจะให้ยาขนาดปกติ ยาบางชนิดอาจต้องลดปริมาณยา อาเจียนเป็นเลือดเนื่องจากตับแข็งจะทำให้ความดันในตับสูงส่งผลให้หลอดเลือดดำในหลอดอาหารมีความดันสูง และถ้าสูงมากเกิดการแตกของหลอดเลือดดำ ปัญหาต่อระบบอื่น เช่น ติดเชื้อง่ายเนื่องจากภูมิคุ้มกันลดลง ท้องมาน ไตวาย Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Disease/GI/hepatitis/cirrhosis.htm |
![]() | Word Info ID : 10097 Word INFO : บวมหลังเท้า และท้องเนื่องจากตับไม่สามารถสร้างไข่ขาว เลือดออกง่าย เนื่องจากตับไม่สามารถสารที่ทำให้เลือดแข็งตัว ตัวเหลืองและตาเหลือง เนื่องจากตับไม่สามารถขับน้ำดี คันตามตัวเนื่องจากน้ำดีสะสมตามผิวหนัง นิ่วในถุงน้ำดี สูญเสียความสามารถเกี่ยวกับความจำ สติ เนื่องจากการคั่งของๆเสีย ไวต่อยา การให้ยาในผู้ป่วยตับแข็งต้องระวังการเกิดยาเกินขนาดเนื่องจากตับไม่สามารถทำลายยาแม้ว่าจะให้ยาขนาดปกติ ยาบางชนิดอาจต้องลดปริมาณยา อาเจียนเป็นเลือดเนื่องจากตับแข็งจะทำให้ความดันในตับสูงส่งผลให้หลอดเลือดดำในหลอดอาหารมีความดันสูง และถ้าสูงมากเกิดการแตกของหลอดเลือดดำ ปัญหาต่อระบบอื่น เช่น ติดเชื้อง่ายเนื่องจากภูมิคุ้มกันลดลง ท้องมาน ไตวาย Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Disease/GI/hepatitis/cirrhosis.htm |
![]() | Word Info ID : 10106 Word INFO : ภูมิต้านทานโรคลดลงทำให้เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย (เช่น วัณโรค ปอดบวม) ถ้าเป็นเรื้อรัง จะมีอาการ อาเจียนเป็นเลือด เนื่องจากเส้นเลือดขอดที่หลอดอาหาร (Esophageal varices) เกิดแตก ซึ่งอาจ ช็อกถึงตายได้ ในระยะสุดท้ายเมื่อตับทำงานไม่ได้ (ตับวาย) ก็จะเกิดอาการทางสมอง (Hepatic encephalopathy) ในที่สุด มีอาการหมดสติเรียกว่า ภาวะหมดสติจากตับวาย (Hepatic coma) นอกจากนี้ยังพบว่ามีโอกาสเป็น มะเร็งในตับสูงกว่าคนปกติ Ref. Link : http://www.thailabonline.com/sec51hep.htm |
![]() | Word Info ID : 10114 Word INFO : ภูมิต้านทานโรคลดลงทำให้เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย (เช่น วัณโรค ปอดบวม) ถ้าเป็นเรื้อรัง จะมีอาการ อาเจียนเป็นเลือด เนื่องจากเส้นเลือดขอดที่หลอดอาหาร (Esophageal varices) เกิดแตก ซึ่งอาจ ช็อกถึงตายได้ ในระยะสุดท้ายเมื่อตับทำงานไม่ได้ (ตับวาย) ก็จะเกิดอาการทางสมอง (Hepatic encephalopathy) ในที่สุด มีอาการหมดสติเรียกว่า ภาวะหมดสติจากตับวาย (Hepatic coma) นอกจากนี้ยังพบว่ามีโอกาสเป็น มะเร็งในตับสูงกว่าคนปกติ Ref. Link : http://www.geocities.com/cddiag/section51.htm |
![]() | วิธีการรักษา (6) |
![]() | Word Info ID : 2087 Word INFO : 1. หากสงสัย ควรแนะนำไปตรวจพิสูจน์เพิ่มเติม อาจต้องตรวจเลือด ทดสอบการทำงานของตับและหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี อาจต้องตรวจอัลตราซาวนด์ หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือเจาะเอาเนื้อตับไปพิสูจน์ ถ้าเป็นตับแข็งในระยะเริ่มแรก อาจให้การรักษาตามอาการ ให้วิตามินรวม และกรดโฟลิกเสริมบำรุง ข้อสำคัญ ผู้ป่วยที่ดื่มเหล้าต้องงดเหล้าโดยเด็ดขาด และหลีกเลี่ยงหรือระมัดระวังการใช้ยาที่อาจมีผลกระทบต่อตับ ถ้ามีอาการบวมหรือท้องมาน (มีน้ำในท้อง) ก็ให้ยาขับปัสสาวะ สไปโรโนแล็กโทน (spironolactone) หรือ ฟูโรซีไมด์ (ย22.1), งดอาหารเค็ม, จำกัดปริมาณน้ำที่ดื่ม ถ้ามีภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็ก ก็ให้ยาเม็ดบำรุงโลหิต (ย24.11) 2. ถ้ามีอาการอาเจียนเป็นเลือด ซึม เพ้อ ไม่ค่อยรู้ตัว หรือมีเลือดออกตามที่ต่าง ๆ ควรรีบส่งโรงพยาบาล อาจต้องให้เลือด และรักษาภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ผู้ป่วยอาจต้องเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลเป็นประจำ จนในที่สุดเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ตกเลือด ภาวะตับวาย โรคติดเชื้อ เป็นต้น Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 3229 Word INFO : การรักษา รักษาสาเหตุ ขึ้นกับว่าต้นเหตุเกิดจากอะไรก็รักษาไปตามสาเหตุ เช่นถ้าเกิดจากสุราก็ให้หยุดสุรา เกิดจากยาก็ให้หยุดยา เกิดจากไวรัสก็ให้ยาบางชนิด โรคตับแข็งรักษาให้หายขาดไม่ได้แต่สามารถชะลอหรือหยุดการดำเนินของโรค รักษาโรคแทรกซ้อน ท้องมานและบวมหลังเท้า แนะนำให้ลดอาหารเค็ม และจะให้ยาขับปัสสาวะเพื่อลดบวม คันตามผิวหนัง ให้ลดอาหารพวกโปรตีน และให้ยาแก้แพ้ ลดของเสีย แพทย์จะให้ยาระบายเพื่อลดของเสียที่อยู่ในลำไส้ซึ่งจะถูกดูดซึมหากมีมากในลำไส้ ผู้ป่วยที่มีความดันในตับสูงแพทย์จะให้ยาลดความดันกลุ่ม beta-block เช่น propanolol Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Disease/GI/hepatitis/cirrhosis.htm |
![]() | Word Info ID : 4773 Word INFO : รักษาสาเหตุ ขึ้นกับว่าต้นเหตุเกิดจากอะไรก็รักษาไปตามสาเหตุ เช่นถ้าเกิดจากสุราก็ให้หยุดสุรา เกิดจากยาก็ให้หยุดยา เกิดจากไวรัสก็ให้ยาบางชนิด โรคตับแข็งรักษาให้หายขาดไม่ได้แต่สามารถชะลอหรือหยุดการดำเนินของโรค รักษาโรคแทรกซ้อน Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Disease/GI/hepatitis/cirrhosis.htm |
![]() | Word Info ID : 10098 Word INFO : รักษาสาเหตุ ขึ้นกับว่าต้นเหตุเกิดจากอะไรก็รักษาไปตามสาเหตุ เช่นถ้าเกิดจากสุราก็ให้หยุดสุรา เกิดจากยาก็ให้หยุดยา เกิดจากไวรัสก็ให้ยาบางชนิด โรคตับแข็งรักษาให้หายขาดไม่ได้แต่สามารถชะลอหรือหยุดการดำเนินของโรค รักษาโรคแทรกซ้อน ท้องมานและบวมหลังเท้า แนะนำให้ลดอาหารเค็ม และจะให้ยาขับปัสสาวะเพื่อลดบวม คันตามผิวหนัง ให้ลดอาหารพวกโปรตีน และให้ยาแก้แพ้ ลดของเสีย แพทย์จะให้ยาระบายเพื่อลดของเสียที่อยู่ในลำไส้ซึ่งจะถูกดูดซึมหากมีมากในลำไส้ ผู้ป่วยที่มีความดันในตับสูงแพทย์จะให้ยาลดความดันกลุ่ม beta-block เช่น propanolol Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Disease/GI/hepatitis/cirrhosis.htm |
![]() | Word Info ID : 10107 Word INFO : 1. หากสงสัย ควรแนะนำไปตรวจพิสูจน์เพิ่มเติม อาจต้องตรวจเลือด ทดสอบการทำงานของตับ และหาเชื้อ ไวรัสตับอักเสบบีและซี อาจต้องตรวจอัลตราซาวนด์ หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ เจาะเอาเนื้อตับไปพิสูจน์ ถ้าเป็นตับแข็งในระยะเริ่มแรก อาจให้การรักษาตามอาการ ให้วิตามินรวม และกรดโฟลิกเสริมบำรุง ข้อสำคัญ ผู้ป่วยที่ดื่มเหล้าต้องงดเหล้าโดยเด็ดขาด และหลีกเลี่ยงหรือระมัดระวังการใช้ยาที่อาจมี ผลกระทบต่อตับ ถ้ามีอาการบวมหรือท้องมาน (มีน้ำในท้อง) ก็ให้ยาขับปัสสาวะ สไปโรโนแล็กโทน (spironolactone) หรือ ฟูโรซีไมด์ งดอาหารเค็ม, จำกัดปริมาณน้ำที่ดื่ม ถ้ามีภาวะซีดจากการขาด ธาตุเหล็ก ก็ให้ยาเม็ดบำรุงโลหิต 2. ถ้ามีอาการอาเจียนเป็นเลือด ซึม เพ้อ ไม่ค่อยรู้ตัว หรือมีเลือดออกตามที่ต่าง ๆ ควรรีบส่ง โรงพยาบาล อาจต้องให้เลือด และรักษาภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ผู้ป่วยอาจต้องเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลเป็นประจำ จนในที่สุดเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ตกเลือด ภาวะตับวาย โรคติดเชื้อ เป็นต้น Ref. Link : http://www.thailabonline.com/sec51hep.htm |
![]() | Word Info ID : 10115 Word INFO : 1. หากสงสัย ควรแนะนำไปตรวจพิสูจน์เพิ่มเติม อาจต้องตรวจเลือด ทดสอบการทำงานของตับ และหาเชื้อ ไวรัสตับอักเสบบีและซี อาจต้องตรวจอัลตราซาวนด์ หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ เจาะเอาเนื้อตับไปพิสูจน์ ถ้าเป็นตับแข็งในระยะเริ่มแรก อาจให้การรักษาตามอาการ ให้วิตามินรวม และกรดโฟลิกเสริมบำรุง ข้อสำคัญ ผู้ป่วยที่ดื่มเหล้าต้องงดเหล้าโดยเด็ดขาด และหลีกเลี่ยงหรือระมัดระวังการใช้ยาที่อาจมี ผลกระทบต่อตับ ถ้ามีอาการบวมหรือท้องมาน (มีน้ำในท้อง) ก็ให้ยาขับปัสสาวะ สไปโรโนแล็กโทน (spironolactone) หรือ ฟูโรซีไมด์ งดอาหารเค็ม, จำกัดปริมาณน้ำที่ดื่ม ถ้ามีภาวะซีดจากการขาด ธาตุเหล็ก ก็ให้ยาเม็ดบำรุงโลหิต 2. ถ้ามีอาการอาเจียนเป็นเลือด ซึม เพ้อ ไม่ค่อยรู้ตัว หรือมีเลือดออกตามที่ต่าง ๆ ควรรีบส่ง โรงพยาบาล อาจต้องให้เลือด และรักษาภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ผู้ป่วยอาจต้องเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลเป็นประจำ จนในที่สุดเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ตกเลือด ภาวะตับวาย โรคติดเชื้อ เป็นต้น Ref. Link : http://www.geocities.com/cddiag/section51.htm |
![]() | คำแนะนำ (6) |
![]() | Word Info ID : 2088 Word INFO : 1. โรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาด เพราะเซลล์ตับที่ถูกทำลายไปแล้ว มิอาจหาทางเยียวยาให้ฟื้นตัวได้ อาการจึงมีแต่ทรงกับทรุด ผู้ป่วยควรปฏิบัติตัว ดังนี้ 1.1 ติดต่อรักษากับแพทย์คนใดคนหนึ่งเป็นประจำ อาจต้องตรวจเลือด ดูการเปลี่ยนแปลงของโรคเป็นระยะ ๆ 1.2 ห้ามดื่มเหล้าโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันมิให้เซลล์ตับส่วนที่ยังดีอยู่ถูกทำลายมากขึ้น หากเป็นโรคตับแข็งในระยะเริ่มแรก ก็อาจช่วยให้ชีวิตยืนยาวได้ 1.3 กินอาหารพวกแป้ง และของหวาน ผัก ผลไม้สด และอาหารพวกโปรตีนเป็นประจำ (ยกเว้น ในระยะท้ายของโรค ที่เริ่มมีอาการทางสมองร่วมด้วย จำเป็นต้องลดอาหารพวกโปรตีนลงเหลือวันละ 30 กรัม เพราะอาจสลายตัวเป็นสารแอมโมเนียที่มีผลต่อสมอง) 1.4 ถ้ามีอาการบวม หรือท้องมาน ควรงดอาหารเค็ม และห้ามดื่มน้ำเกินวันละ 2 ขวดกลม หรือ 6 ถ้วย (1,500 มล.) 1.5 อย่าซื้อยากินเอง เพราะอาจมีพิษต่อตับมากขึ้น 2. ผู้ป่วยตับแข็ง ที่ตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ควรตรวจเลือดหาสารแอลฟาฟีโตโปรตีน (alpha-fetoprotein) ทุก 6 เดือน เพื่อตรวจกรองหาโรคมะเร็งตับระยะเริ่มแรก เพราะเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งชนิดนี้สูง 3. โรคนี้ถ้าเป็นระยะเริ่มแรก และปฏิบัติตัวได้เหมาะสม จะสามารถมีชีวิตได้นานเกิน 5-10 ปีขึ้นไป แต่ถ้าปล่อยให้มีภาวะแทรกซ้อนชัดเจน เช่น ดีซ่าน ท้องมาน อาเจียนเป็นเลือด ก็อาจอยู่ได้ 2-5 ปี (ประมาณ 1 ใน 3 อาจอยู่ได้เกิน 5 ปี) Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 3227 Word INFO : การวินิจฉัย แพทย์จะซักประวัติหาปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดตับแข็งและตรวจร่างเพื่อหาสิ่งแสดงว่าเป็นตับแข็งหรือไม่ เช่น ตัวเหลืองตาเหลือง ท้องและเท้าบวม ฝ่ามือแดง palma erythema มีจุดแดง spider telangiectasia ตามตัวหรือไม่ คลำตับพบว่าผิวแข็งขรุขระ ขอบไม่เรียบ การตรวจทางห้องปฏิบัติการ แพทย์จะเจาะเลือดตรวจการทำงานของตับความผิดปกติที่อาจพบได้คือ ไข่ขาวต่ำ มีการคั่งของน้ำดี bilirubin บางรายอาจตรวจ ultrasound หรือเจาะเนื้อตับ Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Disease/GI/hepatitis/cirrhosis.htm |
![]() | Word Info ID : 4775 Word INFO : ท้องมานและบวมหลังเท้า แนะนำให้ลดอาหารเค็ม และจะให้ยาขับปัสสาวะเพื่อลดบวม คันตามผิวหนัง ให้ลดอาหารพวกโปรตีน และให้ยาแก้แพ้ ลดของเสีย แพทย์จะให้ยาระบายเพื่อลดของเสียที่อยู่ในลำไส้ซึ่งจะถูกดูดซึมหากมีมากในลำไส้ ผู้ป่วยที่มีความดันในตับสูงแพทย์จะให้ยาลดความดันกลุ่ม beta-block เช่น propanolol Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Disease/GI/hepatitis/cirrhosis.htm |
![]() | Word Info ID : 10108 Word INFO : 1. โรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาด เพราะเซลล์ตับที่ถูกทำลายไปแล้ว มิอาจหาทางเยียวยาให้ฟื้นตัว ได้ อาการจึงมีแต่ทรงกับทรุด ผู้ป่วยควรปฏิบัติตัว ดังนี้ 1.1 ติดต่อรักษากับแพทย์คนใดคนหนึ่งเป็นประจำ อาจต้องตรวจเลือด ดูการเปลี่ยนแปลงของโรค เป็นระยะ ๆ 1.2 ห้ามดื่มเหล้าโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันมิให้เซลล์ตับส่วนที่ยังดีอยู่ถูกทำลายมากขึ้น หากเป็นโรค ตับแข็งในระยะเริ่มแรก ก็อาจช่วยให้ชีวิตยืนยาวได้ 1.3 กินอาหารพวกแป้ง และของหวาน ผัก ผลไม้สด และอาหารพวกโปรตีนเป็นประจำ (ยกเว้น ใน ระยะท้ายของโรค ที่เริ่มมีอาการทางสมองร่วมด้วย จำเป็นต้องลดอาหารพวกโปรตีนลงเหลือวันละ 30 กรัม เพราะอาจสลายตัวเป็นสารแอมโมเนียที่มีผลต่อสมอง) 1.4 ถ้ามีอาการบวม หรือท้องมาน ควรงดอาหารเค็ม และห้ามดื่มน้ำเกินวันละ 2 ขวดกลม หรือ 6 ถ้วย (1,500 มล.) 1.5 อย่าซื้อยากินเอง เพราะอาจมีพิษต่อตับมากขึ้น 2. ผู้ป่วยตับแข็ง ที่ตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ควรตรวจเลือดหา สารแอลฟาฟีโตโปรตีน (alpha-fetoprotein) ทุก 6 เดือน เพื่อตรวจกรองหาโรคมะเร็งตับระยะเริ่มแรก เพราะเป็นกลุ่มที่เสี่ยง ต่อการเป็นมะเร็งชนิดนี้สูง 3. โรคนี้ถ้าเป็นระยะเริ่มแรก และปฏิบัติตัวได้เหมาะสม จะสามารถมีชีวิตได้นานเกิน 5-10 ปีขึ้นไป แต่ถ้าปล่อยให้มีภาวะแทรกซ้อนชัดเจน เช่น ดีซ่าน ท้องมาน อาเจียนเป็นเลือด ก็อาจอยู่ได้ 2-5 ปี (ประมาณ 1 ใน 3 อาจอยู่ได้เกิน 5 ปี) Ref. Link : http://www.thailabonline.com/sec51hep.htm |
![]() | Word Info ID : 10116 Word INFO : 1. โรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาด เพราะเซลล์ตับที่ถูกทำลายไปแล้ว มิอาจหาทางเยียวยาให้ฟื้นตัว ได้ อาการจึงมีแต่ทรงกับทรุด ผู้ป่วยควรปฏิบัติตัว ดังนี้ 1.1 ติดต่อรักษากับแพทย์คนใดคนหนึ่งเป็นประจำ อาจต้องตรวจเลือด ดูการเปลี่ยนแปลงของโรค เป็นระยะ ๆ 1.2 ห้ามดื่มเหล้าโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันมิให้เซลล์ตับส่วนที่ยังดีอยู่ถูกทำลายมากขึ้น หากเป็นโรค ตับแข็งในระยะเริ่มแรก ก็อาจช่วยให้ชีวิตยืนยาวได้ 1.3 กินอาหารพวกแป้ง และของหวาน ผัก ผลไม้สด และอาหารพวกโปรตีนเป็นประจำ (ยกเว้น ใน ระยะท้ายของโรค ที่เริ่มมีอาการทางสมองร่วมด้วย จำเป็นต้องลดอาหารพวกโปรตีนลงเหลือวันละ 30 กรัม เพราะอาจสลายตัวเป็นสารแอมโมเนียที่มีผลต่อสมอง) 1.4 ถ้ามีอาการบวม หรือท้องมาน ควรงดอาหารเค็ม และห้ามดื่มน้ำเกินวันละ 2 ขวดกลม หรือ 6 ถ้วย (1,500 มล.) 1.5 อย่าซื้อยากินเอง เพราะอาจมีพิษต่อตับมากขึ้น 2. ผู้ป่วยตับแข็ง ที่ตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ควรตรวจเลือดหา สารแอลฟาฟีโตโปรตีน (alpha-fetoprotein) ทุก 6 เดือน เพื่อตรวจกรองหาโรคมะเร็งตับระยะเริ่มแรก เพราะเป็นกลุ่มที่เสี่ยง ต่อการเป็นมะเร็งชนิดนี้สูง 3. โรคนี้ถ้าเป็นระยะเริ่มแรก และปฏิบัติตัวได้เหมาะสม จะสามารถมีชีวิตได้นานเกิน 5-10 ปีขึ้นไป แต่ถ้าปล่อยให้มีภาวะแทรกซ้อนชัดเจน เช่น ดีซ่าน ท้องมาน อาเจียนเป็นเลือด ก็อาจอยู่ได้ 2-5 ปี (ประมาณ 1 ใน 3 อาจอยู่ได้เกิน 5 ปี) Ref. Link : http://www.geocities.com/cddiag/section51.htm |
![]() | Word Info ID : 10632 Word INFO : ข้อควรปฏิบัติเมื่อท่านเป็นโรคตับแข็ง เลี่ยงปัจจัยต้นเหตุดังกล่าวแล้วและควรรับประทานอาหารประเภทโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสม โดยหากยังไม่มีภาวะตับวายสามารถรับประทานโปรตีนได้ในปริมาณปกติ ในรายที่ตับเสื่อมมากๆ การรับประทานโปรตีนมากเกินไปก็จะเกิดอันตรายต่อร่างกายได้ ทางที่ดีที่สุดควรรับประทานโปรตีนจากพืช เช่น นมถั่วเหลือง เป็นต้น ควรรับประทานอาหารบ่อยมื้อขึ้นเพื่อทำให้ร่างกายได้รับอาหารเพียงพอ รับประทานที่สะอาด หลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่สุกโดยเฉพาะอาหารทะเล หลีกเลี่ยงอาอาหารที่ชื้นเช่นถั่วปน พริกป่น อันเป็นแหล่งของสาร แอฟลา ท็อกซิน ซึ่งส่งเสริมการเกิดมะเร็งตับ หากบวมควรจำกัดเกลือและของเค็ม ออกกำลังกายได้ตามสมควร รับประทานยาบำรุงตามแพทย์สั่งและมาพบแพทย์เป็นระยะๆ Ref. Link : http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=370 |
![]() | การป้องกัน (4) |
![]() | Word Info ID : 2089 Word INFO : 1. ไม่ดื่มเหล้าในปริมาณมาก และถ้าตรวจพบว่าเป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ควรงดดื่ม 2. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบจากไวรัสบี ตั้งแต่แรกเกิด 3. ระมัดระวังในการใช้ยาที่อาจมีพิษต่อตับ Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 10109 Word INFO : 1. ไม่ดื่มเหล้าในปริมาณมาก และถ้าตรวจพบว่าเป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ควรงดดื่ม 2. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบจากไวรัสบี ตั้งแต่แรกเกิด 3. ระมัดระวังในการใช้ยาที่อาจมีพิษต่อตับ Ref. Link : http://www.thailabonline.com/sec51hep.htm |
![]() | Word Info ID : 10117 Word INFO : 1. ไม่ดื่มเหล้าในปริมาณมาก และถ้าตรวจพบว่าเป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ควรงดดื่ม 2. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบจากไวรัสบี ตั้งแต่แรกเกิด 3. ระมัดระวังในการใช้ยาที่อาจมีพิษต่อตับ Ref. Link : http://www.geocities.com/cddiag/section51.htm |
![]() | Word Info ID : 10119 Word INFO : ที่สำคัญที่สุดคือหลีกเลี่ยงสาเหตุต่างๆที่กล่าวมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นงดดื่มสุรา หรือดื่มแต่ปริมาณน้อยๆ ไม่ดื่มประจำ ฉีดวัคซีน ป้องกันไวรัสตับอักเสบ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงสารพิษโดยไม่รับประทานอาหารเก่าเก็บ หรือขึ้นรา หากเป็นตับแข็งแล้ว ต้องรู้จักเลือกบริโภคอาหาร ต้องเลือกโปรตีนที่สะอาด ซึ่งเมื่อย่อยแล้วไม่ทำให้เกิดสารพิษที่มากเกินไปจนตับไม่สามารถกำจัดได้หมด เลือกรับประทานไขมันชนิดที่ไม่ต้องย่อยเพราะตอนนี้ระบบการย่อยไขมันทำงานไม่สมบูรณ์ซึ่งไขมันดังกล่าว คือ กรดไขมันที่จำเป็น นอกจากนี้ยังควรบริโภคอาหารเสริมที่มีคุณสมบัติดักจับอนุมูลอิสระ เพื่อเป็นการขจัดสารพิษที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งตับหลังจากเป็นตับแข็งแล้ว หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสารอาหารดังกล่าว ขอรับได้จาก ศูนย์รักษ์สุขภาพ ข้อควรตระหนักก็คือ ภาวะตับแข็งเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับได้มากกว่าตับที่ปกติดี Ref. Link : http://thaiwellness.esmartdesign.com/cirrhosis/cirrhosis.htm |
![]() | อื่นๆ (2) |
![]() | Word Info ID : 2090 Word INFO : ป้องกันโรคตับแข็งด้วยการไม่ดื่มเหล้า Ref. Link : http://www.doctordiag.com/Medical/disease.aspx |
![]() | Word Info ID : 4776 Word INFO : แพทย์จะซักประวัติหาปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดตับแข็งและตรวจร่างเพื่อหาสิ่งแสดงว่าเป็นตับแข็งหรือไม่ เช่น ตัวเหลืองตาเหลือง ท้องและเท้าบวม ฝ่ามือแดง palma erythema มีจุดแดง spider telangiectasia ตามตัวหรือไม่ คลำตับพบว่าผิวแข็งขรุขระ ขอบไม่เรียบ การตรวจทางห้องปฏิบัติการ แพทย์จะเจาะเลือดตรวจการทำงานของตับความผิดปกติที่อาจพบได้คือ ไข่ขาวต่ำ มีการคั่งของน้ำดี bilirubin บางรายอาจตรวจ ultrasound หรือเจาะเนื้อตับ Ref. Link : http://www.siamhealth.net/Disease/GI/hepatitis/cirrhosis.htm |